ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 971.82 จุด วิตกทรัมป์แทรกแซงเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์ (21 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เดินหน้าโจมตีเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,170.41 จุด ลดลง 971.82 จุด หรือ -2.48%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,158.20 จุด ลดลง 124.50 จุด หรือ -2.36% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,870.90 จุด ลดลง 415.55 จุด หรือ -2.55%

ปธน.ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความล่าสุดบนแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวานนี้ว่า "เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง นอกเสียจากว่าพาวเวลจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทันที" ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์ยังคงกดดันพาวเวล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาขู่ว่าจะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟดหากไม่ยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามคำเรียกร้อง

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้แสดงความไม่พอใจที่พาวเวลกล่าวว่า มาตรการภาษีศุลกากรของเขาจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ

ออสติน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโก แสดงความเห็นในเรื่องนี้ผ่านทางรายการ "Face the Nation" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส (CBS) ว่า เขาพบว่าประเทศที่ธนาคารกลางไม่มีอิสรภาพนั้น อัตราเงินเฟ้อมักจะปรับตัวสูงขึ้น เศรษฐกิจเติบโตช้าลง และตลาดแรงงานอ่อนแอลง ซึ่งเขาคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะไม่ผลักตัวเองเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่ความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางถูกตั้งคำถาม เพราะนั่นจะเป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของเฟด

ขณะที่เอริก ลอมบาร์ด รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสเตือนว่า ความน่าเชื่อถือของสกุลเงินดอลลาร์จะตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ หากปธน.ทรัมป์ปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟด

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยล่าสุดจีนประกาศเตือนประเทศต่าง ๆ ไม่ให้ทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของจีน และหากประเทศใดเลือกแนวทางดังกล่าว จีนก็จะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 2.86% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง 2.72%

หุ้น 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือ กลุ่ม "Magnificent Seven" ร่วงลงถ้วนหน้า และเป็นปัจจัยฉุดดัชนี Nasdaq ดิ่งลงอย่างหนัก นำโดยหุ้นเทสลา (Tesla) ร่วงลง 5.7% หุ้นเมตา แพลตฟอร์ม (Meta Platforms) ลดลง 3.3% หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ดิ่งลง 4.5% หุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) ลดลง 2.3% และหุ้นไมโครซอฟท์ (Microsoft) ปรับตัวลง 2.3% หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ลดลง 1.9% และหุ้นอะเมซอน (Amazon) ร่วงลง 3.1%

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเทสลา, อัลฟาเบท, โบอิ้ง (Boeing), นอร์ธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman), ล็อคฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) และ 3M

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จาก S&P Global, ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน