นักวิเคราะห์คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งในกรอบ โดยช่วงเช้าคาดรับ Sentiment ลบตลาดหุ้นสหรัฐร่วงจากแรงขายหุ้นเทคฯ และเฟดกังวลเศรษฐกิจรับผลกระทบภาษีตอบโต้กดดันเงินเฟ้อ แต่เชื่อ Downside จำกัดเห็นสัญญาณบวกอ่อนๆ จากจีนเปิดทางเจรจาสหรัฐ ส่วนในประเทศ ติดตามข่าวแจกไลเซ่นส์ Virtual Bank ให้ 3 กลุ่ม และ TISCO ประกาศงบ ให้แนวรับ 1,125 จุด แนวต้าน 1,150 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งออกด้านข้างในกรอบ 1,125-1,150 จุด ช่วงเช้าคาดรับ sentiment เชิงลบจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงจากแรงขายหุ้นเทคโนโลยีเป็นหลัก และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบการเรียกเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กระทบเงินเฟ้อ โดยมีมุมมองระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า Downside จำกัด เพราะสถานการณ์ความตึงเครียดที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้กับทั่วโลกเริ่มลดลงเดินหน้าไปสู่การเจรจา โดยเมื่อวานเริ่มเห็นสัญญาณบวกอ่อนๆ จากจีนเปิดทางเจรจาสหรัฐหากยอมรับเงื่อนไข ทำให้ตลาดเกิดความคาดหวังชั่วคราว
ส่วนประเด็นในประเทศ เมื่อวานนี้ รมว.คลัง ได้พูดคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภาษีสหรัฐ นอกจากนี้ ยังระบุว่าได้รับรายชื่อของผู้ประกอบการที่จะเข้ารอบจะได้รับใบอนุญาต Virtual Bank 3 กลุ่ม คาดว่าประกาศอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปี เรามองว่าหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเรื่อง Virtual Bank เป็นหุ้นเทคฯ consult ได้แก่ BBIK, BE8 นอกจากนั้น คาดว่าวันนี้ TISCO จะประกาศงบไตรมาส 1/68
พร้อมให้แนวรับที่ 1,125 จุด แนวต้านที่ 1,150 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,669.39 จุด ลดลง 699.57 จุด หรือ -1.73%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,275.70 จุด ลดลง 120.93 จุด หรือ -2.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,307.16 จุด ลดลง 516.01 จุด หรือ -3.07%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 33,987.01 จุด เพิ่มขึ้น 66.61 จุด หรือ +0.20% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 21,066.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.83 จุด หรือ +0.05% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,261.72 จุด ลดลง 14.28 จุด หรือ -0.43%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 เม.ย.) 1,138.90 จุด เพิ่มขึ้น 10.24 จุด (+0.91%) มูลค่าซื้อขาย 41,227.26 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (16 เม.ย.) 703.07 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.86% ปิดที่ 62.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 เม.ย.) 3.97 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.12 แข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือน ทองพุ่ง-กังวลศก.สหรัฐถดถอย
- "พิชัย" จับเข่าคุย "เศรษฐพุฒิ" เตรียมมาตรการดูแลสภาพคล่องผู้ส่งออก ยันเตรียมมาตรการไว้พร้อมสำหรับผลกระทบที่เกิดกับผู้ประกอบการ คลัง-ธปท.พร้อมทำงานใกล้ชิดขึ้นเพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ "คลัง" ปัดแนวคิดนำทุนสำรองประเทศมาใช้รับมือนโยบายทรัมป์ เผยหารือสหรัฐหลังอีสเตอร์ พร้อมนำเข้า LNG 1 ล้านตัน
- "ขุนคลัง" เผยได้รับ 3 รายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์ธนาคารไร้สาขาแล้ว หลังลือสะพัดกลุ่มเอสซีบี-WeBank, กลุ่มกรุงไทย-AIS-OR และแอสเซนด์ มันนี่เครือซีพีเข้ารอบ ขณะที่ไม่ปรากฏชื่อ "กลุ่มแบงก์กรุงเทพ-บีทีเอส" ฟากแบงก์ชาติยันยังไม่ได้ข้อสรุป ให้รอผลอย่างเป็นทางการเดือน มิ.ย.นี้ ด้าน "คีรี" ระบุ ธปท.ยังไม่แจ้งผล ยังไม่กระทบหากไม่ได้รับคัดเลือก โบรกฯ มองเวอร์ชวลแบงก์ไม่มีผลกระทบต่อแบงก์พาณิชย์ในระยะสั้น เปิดดำเนินการกลางปี 69
- "เงินบาท" หลังสงกรานต์กลับมา "แข็งค่า" ในรอบเกือบ 6 เดือน ที่ 33.36 บาทต่อดอลลาร์รับแรงหนุนลดถือครองสกุลดอลลาร์ หลังสูญเสียน้ำหนักในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย "กรุงไทย" มองแข็งค่าระยะสั้น ช่วง 90 วัน พักรบกรอบ 32.50-35.50 บาทต่อดอลลาร์ จับตา "ค่าเงินหยวน-คู่ค้าเจรจาภาษีกับสหรัฐ" หลัง 90 วัน "อ่อนค่า" ต่อได้ "ไทยพาณิชย์" ชี้ภายในเดือน ก.ค.ไทยไม่สามารถเจรจาภาษีสหรัฐได้ชัดเจน "กดดัน" บาทอ่อนค่าเร็วต่อถึง 36.50 บาทต่อดอลลาร์
- กรมธุรกิจพลังงานเผยยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.6% เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว ขณะที่ยอดใช้เบนซิน-ก๊าซหดตัว
- GPSC (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 41.50 บาท มีมุมมองเชิงบวกจากปัจจัยหนุนต้นทุน JKM LNG ลดลงมาที่ 11.37 ดอลลาร์/mmbtu ลดลง 21% ตั้งแต่ต้นปี และเงินบาทแข็งค่า 33.20 บาทต่อดอลลาร์ส่งผลให้ pool gas โดยรวมมีโอกาสปรับลง ทุกๆ 10 บาท/mmBTU ที่ลดลงจะส่งผลดีต่อกำไร GPSC ประมาณ 5% นอกจากนี้ บอนด์ยีลด์ 10 ปีปรับลงต่อเนื่องอยู่ที่ 2.01% จาก 2.3% ในช่วงต้นปีเป็น sentiment เชิงบวกต่อเนื่องกลุ่มโรงไฟฟ้า ปัจจุบัน GPSC ซื้อขายอยู่ที่ P/E 16.x เท่า พร้อมกำไรปี 68 ที่มีโอกาสโตประมาณ 17%
- CKP (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อสะสม" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.88 บาท แนวโน้มไตรมาส 1/68 หด QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่งราคาหุ้นตอบรับไปแล้ว ขณะที่ไตรมาส 2-3/68 กำไรฟื้นต่อเนื่อง QoQ จากปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนตามฤดูกาล และปริมาณน้ำโขงผ่านเขื่อนไซยะบุรีเพิ่มขึ้นจาก La Nina ส่งผลให้ภาพรวมปี 68 กำไรอิงจาก consensus ตลาดจะโตได้ 1.57 พันล้านบาท (+17%YoY) คาดหวังว่าจะไม่มีการหยุดผลิตไฟฟ้าของโครงการไซยะบุรีเหนือนกับปีก่อน
- COM7 (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 29.50 บาท คาดกำไรหลักไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 890 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%YoY แต่ลดลง 13% QoQ การเพิ่มขึ้น YoY มาจากรายได้โต 7%YoY จากวงจรการเปลี่ยนอุปกรณ์ไอทีทั้งโน้ตบุ๊ก-สมาร์ทโฟน เพื่อรองรับ AI ส่วนกำไรหด QoQ จากปัจจัยทางฤดูกาล ด้านกำไรทั้งปี 68 คาดโต 14%YoY และให้ผลตอบแทนปันผลสูง 5% ในปี 68/69 มุม Valuation ซื้อขายบน PER68E ที่ 12 เท่าต่ำกว่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -1.6S.D.ราคาหุ้นปรับลงตั้งแต่ 3-11 เม.ย.ที่ -5% ตามทิศทาง SET จากประเด็นภาษีสหรัฐทั้งๆ ที่ผลกระทบในเชิงพื้นฐานจำกัดมากเนื่องจากรายได้หลักมาจากในประเทศ 100%