ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 74.58 จุด หุ้นแบงก์หนุนตลาด

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (23 เม.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มบริษัทเหมืองแร่โลหะ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เปลี่ยนท่าที โดยยกเลิกคำขู่ที่จะปลด เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,403.18 จุด เพิ่มขึ้น 74.58 จุด หรือ +0.90%

ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 แล้ว โดยหุ้นกลุ่มการเงินหนุนตลาด ขณะที่หุ้นธนาคารรายใหญ่ อาทิ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (Standard Chartered), เอชเอสบีซี (HSBC) และบาร์เคลย์ส (Barclays) ต่างก็ปรับตัวขึ้นระหว่าง 4.9% - 6.3% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 5%

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดดีขึ้น หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า ฝ่ายบริหารของทรัมป์กำลังเตรียมเงื่อนไขเจรจาการค้ากับอังกฤษ โดยจะเรียกร้องให้อังกฤษลดภาษีนำเข้ารถยนต์จาก 10% เหลือ 2.5%

ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษมีกำหนดจะพบกับ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อผลักดันข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษกับสหรัฐฯ

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 4.5% ตามราคาทองแดงในตลาดลอนดอนที่แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์

กลุ่มเคมีภัณฑ์พุ่งขึ้น 5.25% หลังจากหุ้นโครดา อินเตอร์เนชันแนล (Croda International) พุ่งขึ้น 10.7% จากรายงานยอดขายรวมไตรมาสแรกเติบโต 8%

อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ร่วงหนักสวนทางตลาดได้แก่ หุ้นเรกคิทท์ (Reckitt) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเดทตอล (Dettol) และไลโซล (Lysol) ร่วงลง 5.7% หลังเปิดเผยยอดขายสุทธิในไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด

หุ้นฮอกชิลด์ ไมนิง (Hochschild Mining) ดิ่งลง 9.5% หลังบริษัทเหมืองแร่โลหะมีค่ารายนี้เปิดเผยผลผลิตไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (Composite PMI) ของ S&P Global ระบุว่ากิจกรรมทางธุรกิจของอังกฤษหดตัวลงอย่างหนักในเดือนเม.ย. สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พ.ย. 2565