ปรับแผนใหม่! ลุยสกัด “นอมินี” ทั่วไทย ยอดเข้าข่ายตรวจสอบพุ่งเฉียด 4.7 หมื่นราย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนเม.ย.นี้ กรมฯ ได้เริ่มปรับแผนการตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะเป็นนอมินี (การให้คนไทยถือหุ้นแทนต่างชาติ) ที่จงใจหลบเลี่ยงการขออนุญาตประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ใหม่

โดยมีนิติบุคคลทั่วประเทศที่อยู่ในข่ายตรวจสอบ 46,918 ราย และธุรกิจเป้าหมายที่จะตรวจสอบ 6 ธุรกิจ ได้แก่

1.ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง เช่น ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก

2.ธุรกิจค้าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์

3.ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ขนส่ง และคลังสินค้า

4.ธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ต

5. ธุรกิจการเกษตร เช่น โรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) และ

6.ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป

โดยในแผนเดิมนั้น กำหนดการตรวจสอบนิติบุคคลที่มีคนต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49% ไว้ตั้งแต่ต้นปี 68 รวม 26,830 ราย เน้นธุรกิจท่องเที่ยว, ค้าที่ดิน-อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและรีสอร์ต อี-คอมเมิร์ซ ขนส่งและคลังสินค้า ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่เนื่องจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และสั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหา โดยตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่มีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ซึ่งนายพิชัย ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นอีก 2 ชุด โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อขับเคลื่อนการทำงาน อีกทั้งล่าสุด ได้ตั้งคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่มี ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อปฏิบัติการทั่วประเทศ

ดังนั้น จึงทำให้มีจำนวนนิติบุคคลที่จะถูกตรวจสอบมีเพิ่มขึ้นเป็น 46,918 ราย จากเป้าหมายเดิมเพียง 26,830 ราย เพราะกรมฯ ได้สแกนบริษัทที่มีคนต่างชาติเข้ามาถือหุ้นตั้งแต่ 0.01-49.99% ส่วนการเพิ่มธุรกิจเป้าหมาย เป็นเพราะภาคเอกชนร้องเรียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร และกรมฯ จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคณะทำงาน ที่มีรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ลงพื้นที่ไปตรวจสอบด้วย

“ได้เริ่มตรวจสอบแล้ว ทั้งธุรกิจเหล็ก อสังหาริมทรัพย์ ร้านอาหาร ในพื้นที่กรุงเทพฯ และการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตร เช่น ใน จ.จันทบุรี ซึ่งพบเข้าข่ายนอมินี และได้ส่งให้กรมสิบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินการต่อแล้ว มากถึงหลักสิบถึงร้อยบริษัท ในจำนวนนี้รวมบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 และบริษัทต้องสงสัยอื่น ๆ ด้วย สำหรับผลการตรวจสอบนอมินีของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.67-31 มี.ค.68 จับกุมผู้กระทำผิดได้ 852 ราย มูลค่าความเสียหาย 15,188 ล้านบาท” อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุ

จับมือ ปปง. ยกร่างกม. เพิ่มความผิดฐานนอมินี

นางอรมน กล่าวว่า กรมฯ ได้ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยกร่างกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ฉบับที่ ..) พ.ศ. … โดยเพิ่มความผิดฐานนอมินี และกรณีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดมูลฐานตามร่างกฎหมายนี้ เพื่อให้ ปปง.สามารถยึดทรัพย์ของผู้กระทำความผิดได้ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็น ถึงวันที่ 25 เม.ย.68 เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ปปง. จะเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาเห็นชอบต่อไป

“การปรับแก้กฎหมายดังกล่าว จะนำไปสู่การยึด อายัดทรัพย์สิน ของผู้กระทำความผิด ทั้งที่เป็นคนไทย และคนต่างด้าว ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เพื่อไม่ให้นำทรัพย์สินไปใช้ประโยชน์ หยุดยั้งการใช้บริษัทนอมินี และคนไทย เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน สร้างความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือของระบบธุรกิจในประเทศไทย และป้องกันการใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการกระทำความผิด” อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 เม.ย. 68)

Tags: , , , ,
Back to Top