
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันนี้ได้เชิญกระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าไทย มาพูดคุยและเน้นย้ำถึงมาตรการสวมสิทธิ์ของสินค้าในไทย และกระบวนการออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) ที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสินค้าไทย และการส่งออกของผู้ประกอบการไทย
โดยในระยะสั้น ทางกรมการค้าต่างประเทศ จะเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการหารือร่วมกับ US Custom and Border Protection (CBP) เพื่อวางหลักเกณฑ์ใหม่ในการออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า พร้อมทั้งเฝ้าระวังการสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทยจำนวน 65 รายการ 224 พิกัด ซึ่งส่วนมากเป็นสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อให้การตรวจสอบเข้มงวดมากยิ่งขึ้น
ส่วนในระยะยาว ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงกฎหมาย เพื่อเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นกับบริษัทที่มีการสวมสิทธิ์สินค้าไทยอย่างเด็ดขาด
"เชื่อมั่นว่า หากเกิดความเข้มงวดในการตรวจสอบถิ่นกำเนิดของสินค้า จะทำให้ปริมาณการสวมสิทธิ์สินค้าลดลงเป็นอย่างมาก ภายในระยะเวลา 90 วัน และนี่จะเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการในไทย รวมถึง SMEs ไทยในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สินค้าไทยและวัตถุดิบไทยส่งออกไปยังต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นการเพิ่มมูลค่าทางการค้าของไทยอย่างแท้จริง" น.ส.แพทองธาร ระบุ