ดาวโจนส์ฟิวเจอร์นิ่ง หลังเสร็จสิ้นเลือกตั้งสหรัฐ,ประชุมเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์แทบไม่ขยับ หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

ณ เวลา 18.59 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 1 จุด สู่ระดับ 43,911 จุด

นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน สามารถประสบความสำเร็จคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่พรรครีพับลิกันมีแนวโน้มที่จะครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

อย่างไรก็ดี Carson Group ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวได้ดีกว่าในกรณีที่สภาคองเกรสไม่ถูกควบคุมจากพรรคการเมืองเดียว

ทั้งนี้ ข้อมูลจากปี 1951-2023 บ่งชี้ว่า ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 8% ในกรณีที่สภาคองเกรสถูกควบคุมจากพรรคการเมืองเดียว แต่จะให้ผลตอบแทน 9.9% หากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแยกกันควบคุมสภาคองเกรส

นอกจากนี้ สถิติพบว่า ในกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐมาจากพรรคเดโมแครต ขณะที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแยกกันควบคุมสภาคองเกรส ดัชนี S&P 500 จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 15.7% ส่วนในกรณีที่ประธานาธิบดีมาจากพรรครีพับลิกัน ดัชนี S&P 500 จะให้ผลตอบแทน 13.7%

ขณะเดียวกัน หากดัชนี S&P 500 ปิดส่งท้ายปีนี้ปรับตัวขึ้นจากปีที่แล้ว ก็จะทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทให้ผลตอบแทนเป็นบวกเป็นปีที่ 14 ติดต่อกันภายใต้กรณีที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแยกกันควบคุมสภาคองเกรส

นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% วานนี้

อย่างไรก็ดี นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค.2568 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนมี.ค.2568

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 71.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. และให้น้ำหนัก 54.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนม.ค.2568

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 46.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนมี.ค.2568

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในสัปดาห์หน้าว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวในงานเสวนาที่จัดขึ้นที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. เวลา 15.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. เวลา 03.00 น.ตามเวลาไทย

ในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ นายพาวเวลได้แสดงความพึงพอใจต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้ และยืนยันว่าเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้ถูกกดดันจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

ด้านธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 4/2567

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1, 3.0% ในไตรมาส 2 และ 2.8% ในไตรมาส 3