ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.99 ทิศทางยังแข็งค่า มองกรอบพรุ่งนี้ 32.90 - 33.05

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.99 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่า
จากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.92 บาท/ดอลลาร์
          ขณะที่ค่าเงินภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.87 - 33.02 บาท/ดอลลาร์ โดยปรับ
ตัวลงไปทำนิวโลว์ในรอบ 19 เดือน และวันนี้นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรราว 3 พันล้านบาท
          "เงินบาทผันผวน ระหว่างวันแข็งค่าลงไปทำนิวโลว์ในรอบ 19 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.พ.66 ที่ระดับ 32.87 บาท/
ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางราคาทองคำ ช่วงท้ายตลาดปรับตัวอ่อนค่า หลังมีแรงเทขายดอลลาร์ออกมา" นักบริหารเงิน กล่าว
          นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.90 - 33.05 บาท/ดอลลาร์

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 143.60 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 144.20 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1105 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1157 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,447.90 จุด ลดลง 3.79 จุด, -0.26% มูลค่าซื้อขายราว 50,673.11 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 391.41 ลบ.(SET+MAI)
          - หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมภาคเอกชน แถลงเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐร่วมช่วย
กันแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างหนัก ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากกับการส่งออก และการท่องเที่ยวของไทย โดยขอให้คณะกรรมการ
นโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณาความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาท รวมทั้งขอให้ช่วย
ดูแลเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ไม่แข็งค่าเร็วและแรงเกินไป โดยมองค่าเงินบาทระดับเหมาะสมควรอยู่ที่ 34 บาท/ดอลลาร์ +/-
          - นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท
ทั่วประเทศว่า จากข้อมูลที่ได้สอบถามผู้ประกอบการในแต่ละจังหวัด ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงในอัตราดังกล่าว โดย
เห็นว่าควรเริ่มปรับขึ้นในปี 68 เนื่องจากปกติแล้วการปรับขึ้นค่าแรงจะทำกันปีละครั้ง ในขณะที่ปีนี้ปรับไปแล้ว 2 ครั้ง
          - ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (reverse repurchase rate) ระยะ 14 วัน ซึ่ง
เป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้น ลงสู่ระดับ 1.85% ในวันนี้ (23 ก.ย.) จากเดิมที่ระดับ 1.95% โดยการดำเนินการล่าสุดนี้เป็นส่วน
หนึ่งของมาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ PBOC ได้ริเริ่มขึ้นในเดือนก.ค.ปีนี้ หลังจากเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลงอย่างมาก
          - โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน เผยจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
สหรัฐฯ อีกเป็นครั้งที่ 4 หากแพ้ศึกการเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย.นี้ โดยประกาศว่า "ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย"
          - เสนาธิการกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) เปิดเผยว่า กองกำลังอิสราเอล "กำลังวางแผนอย่างรอบคอบสำหรับปฏิบัติ
การในอีกไม่กี่วันข้างหน้า" และการโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์จะรุนแรงมากขึ้น
          - ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนส.ค., ดัชนี
ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้น และภาคบริการขั้นต้น เดือนก.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จาก 
Conference Board, ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค
ส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.