au Jibun Bank เปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ (5 ก.พ.) ว่า ภาคบริการของญี่ปุ่นขยายตัวในเดือนม.ค. 2567 ด้วยอัตราที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2566 โดยได้รับแรงหนุนจากดีมานด์ที่แข็งแกร่งและเงินเยนที่อ่อนค่า ขณะที่ดีมานด์จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ภาคบริการ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่น ถือเป็นจุดแข็งสำหรับญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก โดยช่วยชดเชยภาคการผลิตที่เผชิญแรงกดดันจากดีมานด์ที่อ่อนแอทั่วโลก
เอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายจาก au Jibun Bank อยู่ที่ระดับ 53.1 ในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 51.5 ในเดือนธ.ค. นับเป็นการขยายตัวเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เบื้องต้นที่ระดับ 52.7
ทั้งนี้ ดัชนีที่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
นายอุสมะห์ ภัตตี นักเศรษฐศาสตร์จากเอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า "การที่ภาคบริการขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น ประกอบกับภาคการผลิตหดตัวในอัตราที่ชะลอลง ส่งผลให้กิจกรรมภาคเอกชนโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว"
การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางธุรกิจนั้นมีสาเหตุมาจากดีมานด์ที่แข็งแกร่งและเงินเยนที่อ่อนค่า โดยอัตราการเติบโตของธุรกิจใหม่แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน
ผลสำรวจระบุว่า ธุรกิจส่งออกใหม่มีการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะการเดินทางทางอากาศ
อัตราเงินเฟ้อราคาวัตถุดิบแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงและค่าแรงสูง อย่างไรก็ดี บริษัทต่าง ๆ สามารถปรับขึ้นราคาขายได้บางส่วน และราคาขายเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว
ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.
อนึ่ง ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการอยู่ที่ระดับ 51.5 ในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นจาก 50.0 ในเดือนธ.ค.