บริษัทท็อป โกลฟ คอร์ป ผู้ผลิตถุงมือยางของมาเลเซียและเป็นรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ประกาศเลื่อนแผนการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเพื่อระดมทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากต้องเร่งแก้ปัญหาหลังจากสหรัฐประกาศห้ามนำเข้าถุงมือยางของทางบริษัท
ท็อป โกลฟซึ่งนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นมาเลเซียและสิงคโปร์แล้วนั้น ได้ประกาศเมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า ทางบริษัทจะนำหุ้นจำนวน 793.5 ล้านหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น โดยครึ่งหนึ่งจากจำนวนดังกล่าวนั้น ทางบริษัทได้ยื่นขอจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าวต้องหยุดชะงักลงเนื่องจากทางบริษัทต้องรอความชัดเจนจากสำนักงานศุลกากรและปกป้องชายแดน (CBP) ของสหรัฐว่า ทางสำนักงานจะยกเลิกการห้ามนำเข้าถุงมือยางของบริษัทในเร็วๆ นี้หรือไม่
เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา CBP ของสหรัฐได้ทำการยึดถุงมือยางของบริษัทท็อป โกลฟ หลังจากพบผลิตภัณฑ์ของท็อป โกลฟในแคนซัส ซิตี้ แม้มีการสั่งห้ามนำเข้าเนื่องจากบริษัทถูกกล่าวหาว่าทำการบังคับใช้แรงงานในกระบวนการผลิตแล้วก็ตาม
แถลงการณ์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ที่ท่าเรือแคนซัส ซิตี้ได้ทำการยึดถุงมือยาง 4.68 ล้านชิ้นที่ผลิตโดยบริษัทท็อป โกลฟ โดยสินค้าที่ยึดมามีมูลค่าประมาณ 690,000 ดอลลาร์ และนับเป็นการยึดสินค้าของท็อป โกลฟเป็นครั้งที่ 2 ในรอบราว 1 สัปดาห์ หลังจากเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ทาง CBP ได้ยึดถุงมือไนไตร (nitrile gloves) จำนวน 3.97 ล้านชิ้น มูลค่าประมาณ 518,000 ดอลลาร์
ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา CBP ได้ออกมาระบุว่า พบหลักฐานว่ามีการบังคับใช้แรงงานในกระบวนการผลิตของท็อป โกลฟ เช่น การใช้แรงงานขัดหนี้, การทำงานล่วงเวลามากเกินไป, สภาพที่อยู่อาศัยและการทำงานที่ไม่เหมาะสม และการยึดเอกสารประจำตัวพนักงานไว้ และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของสหรัฐทำการยึดสินค้าจากท็อป โกลฟ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มิ.ย. 64)
Tags: ตลาดหุ้นมาเลเซีย, ตลาดหุ้นสิงคโปร์, ตลาดหุ้นฮ่องกง, ถุงมือยาง, ท็อป โกลฟ คอร์ป, มาเลเซีย, สหรัฐ, แคนซัส ซิตี้