ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 64 เหลือขยายตัว 0.8-1.6% จากเดิมที่คาดว่าขยายตัว 2.5% รับผลกระทบการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย. 64 ที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศมากนานกว่า 3 เดือน
โดยสถานการณ์การระบาดในประเทศจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์อังกฤษได้แพร่กระจายไปยังหลายคลัสเตอร์ทั่วประเทศ จนเป็นการยากที่จะควบคุมให้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว สะท้อนจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2,000-3,000 คน/วัน ขณะที่สัดส่วนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนที่ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2.3% (ข้อมูล ณ วันที่ 18 พ.ค. 64) และกระจุกตัวเพียงบางพื้นที่ ทำให้จำเป็นต้องกลับมาใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งย่อมกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และทำให้เกิดมูลค่าความเสียหายต่อเศรษฐกิจสูงถึง 4.0-5.8 แสนล้านบาท
ด้านอุปสงค์ในประเทศถือว่าได้รับกระทบมากในช่วงไตรมาส 2/64 และไตรมาส 3/64 จากการประเมินในกรณีฐานคาดว่าอุปสงค์ในประเทศจะเสียหายประมาณ 1.3 แสนล้านบาท หรือราว 0.9% ต่อจีดีพี และในกรณีเลวร้าย อุปสงค์ในประเทศอาจหายไปถึง 2.3 แสนล้านบาท หรือ 1.4% ของจีดีพี อีกทั้งการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดยังได้ส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะธุรกิจบริการที่ดำเนินกิจการได้อย่างจำกัดจากมาตรการควบคุมโรค และส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานให้เปราะบางมากขึ้น
ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอาจหายไปมากกว่า 1 ใน 3 ตามแผนการเดินทางและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศที่ต้องล่าช้าออกไป เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่เกิดการระบาดระลอกที่ 3 ที่ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศจะอยู่ที่ 115.2 ล้านคน-ครั้ง โดยประเมินจากกรณีฐาน คาดว่าการระบาดระลอกล่าสุดจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวราว 4 เดือน กดดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศจะอยู่ที่ 81.2 ล้านคน-ครั้ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 1.8 แสนล้านบาท และหากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศลากยาวไปกว่าที่ประเมินไว้ (ในกรณีเลวร้าย) คาดว่าจะกระทบแผนการท่องเที่ยวลากยาวไปถึง 5 เดือน ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเหลือเพียง 72.6 ล้านคน-ครั้ง และสร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2.3 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกันนโยบายการเปิดประเทศอาจล่าช้า ส่งผลให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ช้า ส่งผลให้ภาคบริการยังมีแนวโน้มซบเซาต่อไป และการระบาดของโควิด-19 จากเชื้อกลายพันธุ์ทั้งสายพันธุ์อังกฤษ (B.117) และสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617) ในหลายประเทศ ทำให้แผนการเปิดประเทศต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังและรัดกุมมากขึ้น ดังเช่นที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ที่ได้ประกาศ Lockdown อีกอย่างน้อย 1 เดือนหลังพบการระบาดระลอกใหม่ แม้ประชาชนในประเทศจะได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดสแล้วกว่า 33.6% โดย Krungthai COMPASS ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 64 อาจลดลงเหลือเพียง 1-5 แสนคน จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 1 แสนคน-2.4 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจถึง 0.9-1.2 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หนุนมูลค่าการส่งออกโดยรวม โดยเศรษฐกิจและมูลค่าการนำเข้าของคู่ค้าหลักในไตรมาส 1/64 ฟื้นตัวได้ตามคาด ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลดีต่อมูลค่าส่งออกของไทย สะท้อนจากส่งออกในไตรมาส 1/64 ที่ขยายตัวได้ถึง 8.2% (ไม่รวมทองคำ)
ส่วนประเด็นเรื่องการขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้าคาดว่าได้ผ่านพ้นจุดวิกฤตไปแล้วจากการอนุญาตให้เรือขนาดใหญ่สามารถเข้าเทียบท่าเรือไทยได้ เช่นเดียวกับการหมุนเวียนตู้สินค้าในต่างประเทศที่มีทิศทางดีขึ้นตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค ทั้งนี้ Krungthai COMPASS จึงได้ปรับเพิ่มประมาณการส่งออกในปี 64 ขยายตัว 8.5% จากเดิมที่คาดว่าขยายตัว 6.0%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 64)
Tags: GDP, KTB, จีดีพี, ผลกระทบโควิด-19, ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS, เศรษฐกิจไทย