พล.ต.วุฒิไชย อิศระ รองเจ้ากรมการแพทย์ทหารบก กล่าวถึงภาพรวมการติดเชื้อในเรือนจำกลาง จ.เชียงใหม่ว่า จากตัวเลขล่าสุดเมื่อวานนี้พบผู้ต้องขังติดเชื้อแล้ว 3,793 คน จากยอดผู้ต้องขังในเรือนจำกว่า 6 พันคน และมีผู้ต้องขังมีภูมิคุ้มกัน 1,532 คน เหลือผู้ต้องขังยังไม่ติดเชื้อ 923 คน ส่วนผู้คุมขังพบติดเชื้อ 2 คน โดยในส่วนของโรงพยาบาลสนามแม้จะมีขีดความสามารถและทรัพยากรที่จำกัด แต่สามารถพัฒนาให้กลายเป็นไอซียูในเรือนจำได้ โดยมีการติดตั้งเครื่องช่วยหายใจได้สามารถช่วยผู้ป่วยได้
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้มีการพบการระบาดโควิดในเรือนจำกลางในช่วงปลายเดือนเม.ย. เนื่องจากมีผู้ต้องขังจำนวนมากและอยู่ในพื้นที่ปิด โดยใช้แนวทาง Bubble & Seal ในการควบคุมการแพร่ระบาดตั้งแต่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา คล้ายลักษณะการล็อกดาวน์ในทุกแดนภายในเรือนจำ และเร่งค้นหาผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำ มีการตรวจหาภูมิคุ้มกันโรคทุกๆ 14 วัน เป็นจำนวน 2 รอบ รวม 28 วัน และคาดว่าจะสามารถส่งคืนพื้นที่ปลอดโรคโควิด-19 ให้กับเรือนจำได้ ในวันที่ 28 พ.ค.นี้
ด้านนพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ เปิดเผยถึง สาเหตุการแพร่ระบาดในเรือนจำว่า เกิดจากในช่วงที่ผ่านมาเกิดการแพร่ระบาดในจ.เชียงใหม่เป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ต้องขังรายใหม่ที่เข้ามาในเรือนจำ มีโอกาสติดเชื้อเข้ามาโดยไม่มีอาการ จึงทำให้อาจเกิดการเล็ดลอดของเชื้อเข้ามาในเรือนจำได้
ทั้งนี้ มาตรการการควบคุมโรคในเรือนจำซึ่งเป็นพื้นที่ปิด มีวิธีการแตกต่างการควบคุมทั่วๆไป ซึ่งเมื่อมีการตรวจพบการติดเชื้อในเรือนจำ 26 เม.ย. และได้ใช้มาตรการบับเบิลแอนด์ซีลในการควบคุมโรคผ่านมา 3 สัปดาห์แล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาจัดระบบการบริหารจัดการแบบเดียวกับที่ใช้ควบคุมในเรือนจำนราธิวาส โดยมีสมมติฐานว่า คนในพื้นที่มีโอกาสได้รับเชื้อแล้ว เพราะอยู่ในพื้นที่ปิด
หลังจากนั้นได้ดำเนินการจำกัดขอบเขตไม่ให้มีการกระจายจากแดนสู่แดน และไม่ให้กระจายไปยังพื้นที่ภายนอก จำนวน 14 วัน เป็นเวลา 2 รอบ รวม 28 วัน และเร่งค้นหาผู้มีอาการเพื่อนำสู่การรักษาโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ มีขีดความสามารถสามารถรักษาผู้ต้องขังในระดับสีเขียว เหลือง ส้มได้ ส่วนสีแดงต้องนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งผ่านมา 3 สัปดาห์มีการส่งผู้ป่วยสีแดง 6 ราย
“เราจะมีการตรวจสอบภูมิคุ้มกันผู้ต้องขัง เมื่อครบ 14 วัน เป็นเวลา 2 รอบ รวม 28 วัน ซึ่งทางทฤษฎี เมื่อครบ 28 วัน จะเหลือผู้ไม่มีภูมิคุ้มกันประมาณไม่ถึง 10 % ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีผลยืนยันจากเรือนจำนราธิวาส โดยผู้ไม่มีภูมิคุ้มกันจะมีการตรวจหาเชื้อทุกคน และคาดว่า จะสามารถคืนพื้นที่ให้กับเรือนจำได้ในวันที่ 28 พ.ค.นี้”
นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ ยืนยันว่า ในขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำได้ ซึ่งในเรือนจำมีผู้ต้องขังรวมประมาณ 6,400 กว่าคน โดยมีทั้งหมด 10 แดน และพบผู้ป่วยที่แดน 4 ซึ่งเป็นแดนแรกรับผู้ต้องขังใหม่ และเกิดการติดเชื้อไปยังแดนต่างๆอย่างรวดเร็ว
นายสุรศักดิ์ ระบุว่า ได้มีการปรับแดนแรกรับจากแดน 4 เป็นแดน 2 ซึ่งเป็นแดนหน้าเรือนจำและปรับปรุงห้องผู้ต้องขัง สามารถรับผู้ต้องขังได้เพิ่ม 150 คน และช่วยแก้ปัญหาให้ผู้ต้องขังรายใหม่ไม่เข้าไปปะปนกับผู้ต้องขังแดนอื่น และยืนยันว่า จะไม่พบการแพร่ในเรือนจำเกิดขึ้นอีก
ส่วนกรณีผู้ต้องขังติดเชื้อก็ให้กินยาฟ้าทะลายโจร กินวิตามินซี ดื่มน้ำขิง น้ำกระชายขาว ซึ่งปรากฏว่า มีภูมิคุ้มกันและหายได้เกือบ 3,000 คน
พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ทางกองทัพเข้ามาสนับสนุนในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ โดยใช้รูปแบบการควบคุมการแพร่ระบาดในเรือนจำ จ.นราธิวาสมาเป็นต้นแบบ
นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง กล่าววว่า ได้มีการจัดตั้งสถานที่กักกันโรค เพื่อรองรับคนที่ถูกปล่อยจากเรือนจำ เป็นเวลา 14 วัน จำนวน 4 ศูนย์ ประกอบด้วย กองกำกับการ 5 ค่ายนเรศวรมหาราช/ศูนย์กักกันหมอประชุมเทศบาลสันมหาพน บ้านพักรับรองการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล/ร้อยฉก.ตชด.33 โดยผู้ที่พ้นโทษ จะมีการกักตัว 14 และมีการตรวจหาเชื้อ หาพบผลบวกจะส่งไปยังโรงพยาบาลสนาม ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ แต่ถ้าเป็นผลลบจะเข้าพักที่ศูนย์รับรองในแต่ละจุด ส่วนผลการดำเนินงานในรอบ 21 วัน จาก 26 เม.ย.-16 พ.ค. รับผู้กักกันทั้ง 4 ศูนย์รวม 57 คน พบผลบวกทั้งหมด 30 คน และกักกันจนครบมีผลเป็นลบและปล่อยตัวแล้ว 4 คน คงเหลือกักตัวทั้ง 4 ศูนย์ รวม 23 คน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 64)
Tags: COVID-19, กระทรวงสาธารณสุข, การล็อกดาวน์, จตุชัย มณีรัตน์, ถนัดพล โกศัยเสวี, วุฒิไชย อิศระ, สุรศักดิ์ เผื่อนคำ, อรรถวุฒิ พึ่งเนียม, เจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์, เชียงใหม่, เรือนจำ, เรือนจำกลางเชียงใหม่, โควิด-19, โรงพยาบาลสนาม