ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกรายงานเตือนว่า ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หากนักลงทุนลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยคุกคามเสถียรภาพทางการเงิน
เฟดเปิดเผยรายงานเสถียรภาพทางการเงินรายครึ่งปีเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า “ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นสูงตั้งแต่เดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวตามปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การประเมินมูลค่าของสินทรัพย์บางรายการนั้น สูงขึ้นเมื่อเทียบกับบรรทัดฐานในอดีต”
รายงานระบุว่า “ในอนาคต ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หากนักลงทุนลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง, การควบคุมการแพร่ระบาดที่ไม่คืบหน้า หรือการฟิ้นตัวของเศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะชะงักงัน”
นอกจากนี้ รายงานของเฟดยังเตือนว่า ความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกนั้น ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
“การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 อาจสร้างแรงกดดันต่อระบบการเงินในตลาดเกิดใหม่และบางประเทศในยุโรป นอกจากนั้น หากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกสูงขึ้นอย่างฉับพลัน เศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่บางประเทศอาจประสบปัญหาทางการคลังเพิ่มเติม”
นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด กล่าวว่า การประเมินมูลค่าในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากระดับเมื่อปลายปีที่แล้วซึ่งสูงอยู่แล้ว
“เรากำลังจับตาการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่สูงเกินจริงและปัญหาหนี้สินที่อยู่ในระดับสูงมาก เพราะมีความเป็นไปได้ที่จะกำหนดราคาใหม่ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อราคาสินทรัพย์ในตลาด”
นางเบรนาร์ดกล่าว
ทั้งนี้ นางเบรนาร์ดระบุว่า มาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน (microprudential) และมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน (macroprudential) นั้น มีความสำคัญในการจัดการความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน และยังช่วยส่งเสริมนโยบายการเงินให้มุ่งเน้นไปที่การจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพและการบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ค. 64)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, ลาเอล เบรนาร์ด, สหรัฐ, สินทรัพย์, สินทรัพย์เสี่ยง, อัตราเงินเฟ้อ, เฟด, เสถียรภาพทางการเงิน