หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ ซึ่งเป็นสื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนรายงานว่า จำนวนประชากรจีนมีแนวโน้มที่จะเริ่มลดลงในปีหน้า หลังจากที่เพิ่มขึ้นมาตลอดช่วง 50 ปีที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันจีนมีประชากรอยู่ที่กว่า 1.4 พันล้านคน
สื่อดังกล่าวระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้ตระหนักถึงการรับมือเกี่ยวกับข้อมูลจำนวนประชากรดังกล่าว ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นว่า ประชากรจีนที่มีแนวโน้มลดลงนั้นอาจขัดขวางการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ
หากประชากรในจีนลดลง ก็ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคนโยบายก้าวกระโดด (Great Leap Forward) ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อปี 2501 ถึงช่วงทศวรรษที่ 1960 (ราวปี 2503-2512) อันเป็นผลจากการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างผิดๆ ในสมัยอดีตประธานาธิบดีเหมา เจ๋อตุง ทำให้มีผู้คนประสบกับความอดอยากหิวโหยหลายล้านคน
หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ระบุว่า รัฐบาลจีนอาจจำเป็นต้องนำมาตรการต่างๆ มาใช้เพื่อสนับสนุนให้คนมีลูกในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เช่น มาตรการให้ความช่วยเหลือคู่สามีภรรยาที่ต้องการมีบุตรมากกว่าหนึ่งคน และระบุด้วยว่า จีนไม่ควรเจริญรอยตามญี่ปุ่น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า จีนได้สำรวจสำมะโนประชากร ซึ่งจัดทำทุกๆ 10 ปีเมื่อช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี แม้ว่าสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ได้ระบุว่าจะเปิดเผยผลสำรวจดังกล่าวในช่วงต้นเดือนเม.ย.นี้ แต่ก็ได้เลื่อนออกไป
จีนกำลังกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ โดยมีสาเหตุหลักมาจากนโยบายให้มีลูกคนเดียวเมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2522 ก่อนจะสิ้นสุดลงเมื่อปี 2559 ขณะที่มีความกังวลเพิ่มขึ้นว่า ประชากรวัยสูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าในระยะหลังมานี้ รัฐบาลจีนได้อนุญาตให้คู่สมรสมีบุตรคนที่สอง แต่อัตราของเด็กเกิดใหม่ในจีนจนถึงปัจจุบันก็ยังเพิ่มไม่มากนัก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 64)
Tags: จีน, ประชากรจีน, สี จิ้นผิง, เศรษฐกิจจีน