นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเปิดเผยว่า ออสเตรเลียยกเลิกเป้าหมายในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชากรเกือบทั้งหมด 26 ล้านคน ภายในสิ้นปี 2564 หลังทางรัฐบาลได้แนะนำให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี ฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ แทนวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า
ทั้งนี้ ออสเตรเลียซึ่งสั่งซื้อวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าเป็นจำนวนมาก ยังไม่มีแผนที่จะตั้งเป้าหมายใหม่สำหรับการฉีดวัคซีน
นายมอร์ริสันกล่าวว่า “แม้ว่าเราต้องการฉีดวัคซีนให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปีนี้ แต่เราคาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการตามเป้าหมายดังกล่าวได้ เนื่องจากมีความไม่แน่นอนหลายอย่าง”
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียได้แนะนำให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์แทนวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีรายงานพบความเชื่อมโยงกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า
นายมอร์ริสันกล่าวเสริมว่า ออสเตรเลียได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนแล้ว 1.16 ล้านคน ซึ่งความรวดเร็วของการฉีดวัคซีนในออสเตรเลียนั้น สอดคล้องกับชาติอื่น ๆ รวมถึงเยอรมนี และฝรั่งเศส
ทั้งนี้ ออสเตรเลียเริ่มฉีดวัคซีนแก่ประชาชนช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยอดผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับต่ำ โดยขณะนี้ยอดติดเชื้ออยู่ที่ 29,400 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 909 ราย นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 เม.ย. 64)
Tags: COVID-19, วัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, สกอตต์ มอร์ริสัน, ออสเตรเลีย, แอสตร้าเซนเนก้า, โควิด-19, ไฟเซอร์