นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/64 เติบโตต่อเนื่อง จากการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ตลาดในประเทศ บริษัทฯ เริ่มจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางใหม่ๆ เช่น จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ของบริษัท และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ ได้แก่ Lazada Shopee ซึ่งจากการเริ่มจำหน่ายสินค้าแบบออนไลน์ที่ผ่านมา พบว่ามีกระแสตอบรับที่ดี และยังจำหน่ายสินค้าผ่านร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศ อย่าง Homepro, Megahome, DOhome, Winner, Globalhouse, Tescolotus, BigC และ MR.DIY และปัจจุบันยังมีพาร์ทเนอร์ที่อยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มอีกด้วย รวมถึงยังมีแผนจะเพิ่มความหลากหลายของช่องทางการจำหน่ายสินค้า เพื่อลดการพึ่งพิงเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่ง
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 63% และในประเทศอยู่ที่ 37%
นายอารักษ์ กล่าวว่า บริษัทยังคงมองหาดีไซน์ใหม่ ๆ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายมากขึ้น รวมไปถึงดีไซน์ที่จะเหมาะสมกับยุคโควิด-19 เช่น เฟอร์นิเจอร์ที่จะเหมาะกับการ Work from home ซึ่งจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ทางบริษัทฯ มีมาตรการปรับลดต้นทุนทางการเงิน เช่น การลดกำลังคนในโรงงานผลิต เพิ่มการใช้เครื่องจักรให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรของบริษัท
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ปัจจุบันยังสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 เมกะวัตต์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ ในเฟสแรก กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ได้ตามปกติ ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศเมียนมาร์ และคาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เฟส 2 ได้ภายในเดือนส.ค.นี้ และเฟส 3 ในเดือนเม.ย.65 ตามด้วย เฟส 4 ในเดือนก.ย.65
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 10-12% จากรายได้ในปีก่อนอยู่ที่ 1,415 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 เม.ย. 64)
Tags: ECF, ธุรกิจพลังงานทดแทน, ผลการดำเนินงาน, พลังงานแสงอาทิตย์, หุ้นไทย, อารักษ์ สุขสวัสดิ์, อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค, เฟอร์นิเจอร์, โรงไฟฟ้า