นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “ทิศทางฟื้นเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤติโควิด 2564” ว่า คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ของไทย ในปี 64 อาจเติบโตไม่ถึง 4% ตามที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยคาดอาจจะขยายในช่วง 2.5-3.5% หรือประมาณ 2.8% เท่านั้น เนื่องจากความต้องการของต่างประเทศยังไม่กลับมา
โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัว เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเข้ามาไม่ได้ ซึ่งสัดส่วนรายได้จากภาคการท่องเที่ยวคิดเป็น 12% ของ GDP ของไทย รวมถึงการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจในช่วง 1-2 เดือนแรกของปีนี้ต้องชะงักไป จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดด้วยการจำกัดการเดินทาง ซึ่งส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
“เศรษฐกิจไทยอาจจะโตไม่ทันใจ โตไปช้าหน่อย แต่ก็เป็นแบบมั่นคงและต่อเนื่อง ผมพูดเสมอว่า GDP ของประเทศไทยไม่จำเป็นต้องโต 7-10% ก็ได้ ถ้าทำให้โตได้ที่ระดับ 3-5% แบบนี้ทุกปี ผมคิดว่าภาคเอกชน และภาคธุรกิจก็น่าจะพอใจ สุดท้ายไม่ว่าเศรษฐกิจจะโตกี่เปอร์เซ็น แต่เมื่อมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วก็ทำให้อุ่นใจมากขึ้น
ส่วนภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะดีมานด์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่กลับเข้ามานั้น กระทบท่องเที่ยวแน่นอน โดยคาดว่าท่องเที่ยวจะกลับมาโตได้ในปี 66-67 ก็อาจจะต้องกลับมาดูว่าจะช่วยอย่างไร เวลานี้ต้องทำอย่างไรให้ภาคการท่องเที่ยวสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง ต้องทำควบคู่กันมาตรการช่วยเหลือก็ยังต้องมีต่อ ส่วนภาคธุรกิจเองก็ต้องปรับตัวและปรับโครงสร้างธุรกิจไปพร้อมกัน”
นายอาคม กล่าว
จากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ทำให้ในปีนี้รัฐบาลยังมีความจำเป็นต้องออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก โดยที่ผ่านมามีหลายมาตรการที่ออกมา ซึ่งเป็นทั้งมาตรการในลักษณะการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกัน อาทิ มาตรการคนละครึ่ง มาตราการเราชนะ และหลังจากนี้มองว่ารัฐบาลยังมีความจำเป็นต้องออกมาตรการระยะสั้นเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจอยู่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (3 มี.ค. 64)
Tags: GDP, กระทรวงการคลัง, จีดีพี, อาคม เติมพิทยาไพสิฐ, เศรษฐกิจไทย