นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปี 64 จะใช้เงินลงทุนจากการขยายสาขาและลงทุนในกิจการเดิมรวมประมาณ 300 ล้านบาท และเตรียมเงินไว้สำหรับลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมอีก 500-1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มจุดแข็ง และการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรใหม่
สำหรับความร่วมมือกับพันธมิตรรายเดิมนั้น บริษัทได้ร่วมมือกับ Xiaomi ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ คาดวาจะสามารถเปิดตัวภายในปี 64 ส่วนความร่วมมือกับทาง บมจ.เน็คซ์ แคปปิตอล (NCAP) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และธุรกิจไฟแนนซ์ หลังจาก COM7 เข้าไปถือหุ้นใหญ่แล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพื่อร่วมมือหาโอกาสทางการตลาดและการลงทุนร่วมกันเพื่อให้เติบโตไปพร้อมกัน ซึ่งจะมีความชัดเจนภายในปีนี้
ขณะที่บริษัทยังจะมีการลงทุนพัฒนาบริการของตัวเอง โดยเฉพาะช่องทางการจำหน่ายออนไลน์โดยจะพัฒนาแอปพลิเคชั่น Build my PC ให้ลูกค้าสามารถกำหนดรายละเอียดของสินค้าที่ต้องการ จากนั้นแอปพลิเคชั่นจะจัดหาสินค้าที่เหมาะสมมาให้ลูกค้าเลือกสั่งซื้อได้ทันที รวมทั้งมีการใช้เทคโนโลยี VR ภาพเสมือนจริง 360 องศา ซึ่งลูกค้าจะสามารถเห็นภาพจำลองของสาขาและเข้ามาเลือกดูสินค้าผ่านการออนไลน์ได้ด้วย
ส่วนช่องทางออฟไลน์ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาให้ถึง 1,000 สาขา จากในปีที่แล้วที่มีอยู่ 911 สาขา เพื่อรองรับความต้องการสินค้า ไอทีและสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้ง ต้อนรับการมาของ 5G กระตุ้นยอดขาย และสอดรับพฤติกรรมใหม่ผู้บริโภค โดยจะขยายสาขาให้มีความครบถ้วนและคละกันไปทั้ง BaNANA, Apple Store และแบรนด์อื่น ๆ ให้มีความหลากหลายมากที่สุด
รวมทั้งบริษัทมีแผนในการเปิดสาขาแบบ Stand Alone นอกห้างสรรพสินค้า เพื่อรองรับในสถานการณ์ต่างๆ เมื่อรวมกับสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ที่ตั้งอยู่ตามหัวเมืองสำคัญที่ปีนี้จะมีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ให้ครบวงจร และต้องรองรับธุรกิจในอนาคต รวมทั้ง ส่งเสริมในการเป็นจุดรับสินค้า เมื่อลูกค้าสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทได้
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 63 สาขาภายใต้การบริหารแบ่งเป็น BaNANA 303 สาขา Studio7 106 สาขา KingKong Phone 94 สาขา True Shop by Com7 122 สาขา แฟรนไชส์ 114 สาขา BKK 51 สาขา iCare 28 สาขา และอื่นๆ 93 สาขา ซึ่งเพิ่มขึ้น 124 สาขาจากปี 62 โดยเป็นการเร่งขยายสาขาในไตรมาส 4/63 เพื่อให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งยอดขายของสาขาใหม่จะเกิดขึ้นในปี 64
นายสุระ กล่าวว่า บริษัทคาดว่ายอดขายในปีนี้จะดีขึ้นจากปี 63 อย่างแน่นอน เนื่องจากปีที่แล้วมีมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายจากสาขาบางส่วนหายไป แต่สถานการณ์โควิด-19 ในปีนี้มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น ทำให้ร้านสาขาทั้งหมดจะสามารถกลับมาขายสินค้าได้ตามปกติตลอดทั้งปี
สำหรับผลประกอบการในปี 63 บริษัทมีกำไรสูงถึง 1,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,216 ล้านบาท มีรายได้จากการขายและให้บริการ 37,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 33,362 ล้านบาท โดยเฉพาะในไตรมาส 4/63 บริษัทมีกำไรสูงถึง 556 ล้านบาท เป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ไอโฟน 12 เป็นอย่างมาก
อีกทั้งจากมาตรการ Work from Home ในช่วงโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะช่วงล็อกดาวน์เดือน เม.ย.63 เดือนเดียวยอดขายออนไลน์ของบริษัทเพิ่มสูงถึง 500 ล้านบาท และทำให้ธุรกิจออนไลน์ของบริษัทตลอดทั้งปี 63 เติบโตสูงถึง 396%
และสืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 บริษัทได้เปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการใหม่ มีการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดการเดินทางของพนักงาน โดยการสร้าง Wall room ให้พนักงานได้พูดคุยกัน ทั้งการปรึกษากับพนักงานหน้าร้านการรายงานผลประกอบการในแต่ละสาขาและการเทรนนิ่งออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งสามารถลดเวลาและค่าใช้จ่ายของบริษัทได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในช่วงโควิด-19 ซึ่งมีมาตรการ Work from Home นั้น ทางบริษัทยังได้นำคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊คออกมาให้เช่าซึ่งทำให้บริษัทมีรายได้เสริมเข้ามาด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 64)
Tags: COM7, คอมเซเว่น, สุระ คณิตทวีกุล, หุ้นไทย