AAV เชื่อปี 64 ฟื้นต่อเนื่องหลัง Q4/63 ผู้โดยสารโต 51% ยังมองหาทุนเติมสภาพคล่อง

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ซึ่งถือหุ้นใหญ่ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย (TAA) กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าในปี 64 เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลาย และมีการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง จะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจการบินตามลำดับ รวมทั้งเส้นทางระหว่างประเทศที่น่าจะเริ่มกลับมาให้บริการได้ในช่วงปลายปี

ทั้งนี้ TAA มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในสนับสนุนเดินทางและท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ควบคู่มาตรฐานบริการด้านสุขอนามัยที่เข้มข้นเหมือนเดิม นอกจากนี้เรายังมุ่งเน้นการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด อีกทั้งขยายโอกาสธุรกิจด้านโลจิสติกส์เพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนของการขนส่งสินค้าทางอากาศ พร้อมสนับสนุนการขนส่งวัคซีนทางอากาศทั้งในประเทศและภูมิภาค

“เราอยู่ระหว่างการพิจารณาหาเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อเสริมสภาพคล่องของบริษัท ซึ่งเป็นไปได้หลายตัวเลือก เช่น ซอฟต์โลน การกู้ยืม หรือ การเพิ่มทุน”

นายสันติสุข กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ไตรมาส 4/63 ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดจากความต้องการเดินทางภายในประเทศที่สูงขึ้นในช่วงเทศกาล และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวจากภาครัฐ โดย TAA กลับมาให้บริการเส้นทางภายในประเทศได้ถึง 107% ของปริมาณที่นั่งก่อนผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยขนส่งผู้โดยสาร 2.81 ล้านคน เพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาส 3/63 และมีอัตราขนส่งผู้โดยสาร 74% โดยส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ช่วงกลางเดือน ธ.ค.63

AAV มีรายได้รวม 4,158.6 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุน 1,114.4 ล้านบาท จากผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์สิทธิการใช้ที่มูลค่าบัญชีสูงกว่ามูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนของสินทรัพย์จำนวน 1,416 ล้านบาท (หากไม่มีผลขาดทุนจากการทำสัญญาแลกเปลี่ยนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงล่วงหน้าที่จำนวน 799 ล้านบาท TAA จะมีผลการดำเนินงานก่อนจะหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเป็นบวก)

นายสันติสุข กล่าวว่า ในไตรมาส 4/63 ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเดินทางจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะการที่บริษัทสามารถบริหารจัดการการใช้เครื่องบินได้ถึง 70% และมีแนวโน้มอัตราขนส่งผู้โดยสารดีขึ้นต่อเนื่อง โดยในเดือน พ.ย.มีอัตราขนส่งสูงเกือบ 80% ก่อนที่จะได้รับผลกระทบอีกครั้งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกใหม่

“ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ทำให้เห็นว่า เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ไทยแอร์เอเชีย พร้อมที่จะกลับมาคว้าโอกาสเสมอ รวมทั้งการหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่เข้ามาเสริม ทั้งบริการเดลิเวอรี่อาหารและเครื่องดื่ม การขนส่งคาร์โก และการปรับให้ airasia.com ให้เป็นมากกว่าผู้ให้บริการจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน แต่ครอบคลุมสินค้าและบริการตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์มากขึ้น”

นายสันติสุขกล่าว

เมื่อพิจารณาผลประกอบการตลอดปี 63 พบว่า TAA ขนส่งผู้โดยสารได้ 9.49 ล้านคน ด้วยอัตราขนส่งผู้โดยสารตลอดปีที่ 75% เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดย AAV มีรายได้รวม 16,237.3 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุน 4,764.1 ล้านบาท เป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ตลอดปี ที่สายการบินจำเป็นต้องหยุดบินชั่วคราวทุกเส้นทางในช่วงเดือน เม.ย.และจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ในการปรับลดและเพิ่มเที่ยวบินให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทางอยู่ตลอด ควบคู่การรักษาสภาพคล่องและผลประกอบการทางธุรกิจ

แม้ว่า TAA จะเผชิญกับสถานการณ์วิกฤต แต่เราก็ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาและขยายฐานลูกค้า โดยเปิดฐานปฏิบัติการการบินใหม่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเมื่อรวมกับการให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ทำให้ TAA เป็นสายการบินเดียวที่ให้บริการบินเข้าออกกรุงเทพฯ สะดวกได้ทั้ง 2 ท่าอากาศยาน เสริมความแข็งแกร่งและตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดในประเทศ

อีกทั้ง TAA ได้ใช้แผนบริหารจัดการต้นทุน โดยลดค่าจ้างพนักงานตามนโยบายขอความร่วมมือให้พนักงานใช้สิทธิการลาโดยไม่รับค่าจ้างในระยะสั้นและระยะยาว เช่นเดียวกันกับค่าบริการในสนามบินและลานจอดจากส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงอากาศยาน (Landing Charge) ค่าบริการที่จอดอากาศยาน (Parking Charge) และค่าบริการการเดินอากาศ (Air Navigation Charge) ทั้งนี้การลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวยังส่งผลต่อเนื่องในปี 64 อีกด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 64)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top