ตลท.ยันมาตรการเพียงพอรับมือหุ้นร่วงแรง

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ยืนยันว่ามาตรการปัจจุบันที่มีอยู่เพียงพอจะรองรับสถานการณ์ความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ไทย แม้ว่าจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ลดลงไปกว่า 90 จุด หรือกว่า 6% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก

ผลกระทบต่อตลาดหุ้นสืบเนื่องมาจากการประชุมกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรไม่สามารถตกลงกันได้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับร่วงลงมาจาก 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ราว 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงกดดันราคาหุ้นใน 3 กลุ่มหลักที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เป็นสัดส่วนมากกว่า 45-50%ในตลาดหุ้นไทย คือกลุ่มพลังงาน ปรับตัวลดลงมากกว่า 15% กลุ่มทรัพยากรธรรมชาติ (Resources) และกลุ่มธนาคาร ส่วนกลุ่มที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยราคาปรับตัวลดลงราว 2-3%

“แม้ว่าวันนี้ถือว่ามาร์เก็ตแคปปรับตัวลดลงมากในวันเดียว แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวมมาตรการต่างๆ ที่มี คือ การหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว หรือ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ที่มีถือว่ายังรองรับได้กับการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของดัชนี และราคาหุ้น”

นายภากร กล่าว

นอกจากนั้น ตลท.ยังไม่พบธุรกรรมการซื้อขายที่ผิดปกติในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงรุนแรงต่อเนื่องในระยะ 2-3 สัปดาห์นี้ ไม่ว่าจะเป็น บล็อกเทรด ช็อตเซล โปรแกรมเทรดดิ้ง สัดส่วนธุรกรรมเท่ากับช่วงเวลาปกติ ส่วนการเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม (มาร์จิ้นคอลล์) และการบังคับขาย (ฟอร์ซเซล) เป็นความเสี่ยงน้อยกว่าจะไม่ใช้มาตรการเหล่านี้ เพราะไม่ได้เกิดจากระบบมีความเสี่ยง แต่เกิดจากราคาเคลื่อนไหวรุนแรง

นายภากร กล่าวว่า ตลท.หารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อที่จะออกมาตรการระยะสั้น และ ระยะยาว โดยระยะสั้นจะเป็นมาตรการในการให้ความช่วยเหลือ SME ซึ่งได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 การผลักดันให้กองทุนเพื่อการออม (SSF) เข้ามาลงทุน ส่วนมาตรการระยะยาว จะเป็นการปรับโครงสร้างด้านตลาดทุน โดยจะออกมาตรการในการให้ความช่วยเหลือบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่จะออกมาเร็ว ๆ นี้

พร้อมกันนั้น นายภากร ยังกล่าวถึงนักลงทุนว่า ในสภาวะที่ตลาดมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก นักลงทุนควรจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารต่าง ๆ อ่านบทวิเคราะห์และวิเคราะห์ด้วยตัวเองถึงผลกระทบด้านต่าง ๆที่เกิดขึ้น เพราะทุกครั้งที่มีข่าวใหม่ ๆ มีทั้งผลกระทบด้านลบและด้านบวก บางอุตสาหกรรมไม่ได้รับผลกระทบเลย บางอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบมาก ก็อยากจะฝากให้ดูว่ามองถูกกระทบมากเกินความเป็นจริงหรือไม่ จะดูได้อย่างไร โดย ตลท.ได้หารือกับสมาคมนักวิเคราะห์เตือนมองผลกระทบตามความจริงไม่วิตกเกินเหตุ

นอกจากนั้น ทุกครั้งที่มีผลกระทบเช่นนี้เกิดขึ้นและทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงมาก บางส่วนจะเป็นโอกาสในการลงทุนด้วยซ้ำ จะมองสัดส่วนการลงทุนอะไรอย่างไรขอให้คิดให้ดี โดยเฉพาะ Asset Alocation อย่าลงทุนในที่ที่เดียวมากเกินไป ควรจะกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในหลายอุตสาหกรรม หลายประเภทสินทรัพย์ และลงทุนข้ามประเทศ เพราะผลกระทบในแต่ละที่ไม่เหมือนกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top