นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรการในการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เพื่อใช้ดำเนินการกับผู้เดินทางซึ่งมาจากท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558
“หลังจากออกประกาศฉบับนี้แล้ว วันพรุ่งนี้เวลา 09.30 น.จะมีการประชุมเพื่อพิจารณามาตรการรองรับกรณีแรงงานไทยที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้”
นางนฤมล กล่าว
สาระสำคัญของประกาศดังกล่าว คือ กำหนดมาตรการ 4 ข้อ ดังนี้
ข้อ 1 เมื่อพบผู้เดินทางที่เป็นหรือผู้ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโควิด-19 โดยมีอุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเชียสขึ้นไป ร่วมกับมีอาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หอบเหนื่อย อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ดำเนินการประสานกับสถานพยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อนำผู้ที่เป็นหรือผู้ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็น COVID-19 เข้ารับการตรวจ รักษา รับการชันสูตรทางการแพทย์ แยกกักหรือกักกัน ตามสมควรแก่กรณี
ข้อ 2 เมื่อพบผู้เดินทางที่ไม่เป็นหรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็น COVID-19 ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พิจารณาดำเนินการดังนี้
- ให้ผู้ที่มีที่พักอาศัยประจำภูมิลำเนาในประเทศไทย กักกันตัวเอง ณ ที่พักอาศัยเป็นเวลา 14 วัน โดยห้ามออกจากที่พักอาศัยดังกล่าว เว้นแต่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทั้งนี้ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำแนบท้ายประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
- ให้ผู้ที่ไม่มีที่พักอาศัยประจำ/ภูมิลำเนาในประเทศไทย แสดงหลักฐานต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เช่น หลักฐานที่พักอาศัยที่จะอาศัยอยู่ในระยะเวลา 14 วัน, หลักฐานว่าเจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้ดูแลที่พักอาศัยยินยอมให้พักอาศัย, หลักฐานว่าที่พักอาศัยดังกล่าวมีหลักแหล่งชัดเจน ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อสามารถติดตามตัวได้
- และกรณีที่ผู้เดินทางไม่สามารถแสดงหลักฐานดังกล่าวได้ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ประสานพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการส่งตัวกลับ หรือหากพิจารณาหลักฐานแล้วเห็นว่าสมควรอนุญาตให้บุคคลดังกล่าวเดินทางเข้ามาก็จะต้องให้บุคคลดังกล่าวกักกันตัวเอง ณ ที่พักอาศัย 14 วัน โดยห้ามออกจากที่พักอาศัย เว้นแต่ได้รับการอนุญาต
- การเฝ้าระวังอาการและการรายงานตัว แจ้งให้บุคคลดังกล่าวทำการบันทึกอาการในระบบรายงานตัวและติดตามอาการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดด้วยตนเองจนครบ 14 วัน และกรณีที่บุคคลดังกล่าวไม่สามารถทำการบันทึกในระบบรายงานตัวและติดตามอาการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดได้ ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายดำเนินการติดตามอาการจนครบระยะเวลา 14 วัน และบันทึกข้อมูลในระบบฯ ดังกล่าวแทน
แต่หากบุคคลดังกล่าวมีอาการป่วยหรือสงสัยว่าตัวเองป่วยให้แจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ภายใน 3 ชั่วโมงนับแต่พบว่าตัวเองมีอาการป่วยหรือสงสัยว่าป่วย เพื่อเข้ารับการตรวจ รักษา รับการชันสูตรทางการแพทย์ แยกกักหรือกันกัน ตามสมควรแก่กรณี
ข้อ 3 การนับระยะเวลา 14 วันให้เริ่มนับถัดจากวันที่ผู้เดินทางได้เดินทางมาถึงด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
ข้อ 4 ให้แจ้งต่อผู้เดินทางให้ทราบว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อและเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ย้ำว่า เมื่อมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขออกไปแล้ว ทุกคนต้องปฎิบัติตามข้อบังคับ ไม่เว้นแม้ชาวต่างชาติ แต่ยืนยันว่ามาตรการที่ออกมาไม่ใช่เข้าสู่ระยะที่ 3 เพราะคำจำกัดความในระยะที่ 3 คือ การแพร่ระบาดในประเทศแบบวงกว้าง แต่สถานการณ์ในไทยยังควบคุมได้
ซึ่งคนไทยที่เดินทางมาจาก 9 ประเทศกลุ่มเสี่ยงนี้จะต้องกักตัว 14 วันที่บ้านพัก ส่วนหากมีไข้จะถูกแยกออกมาเพื่อเข้ารับการรักษา ถือเป็นการประกาศภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่ออันตราย ซึ่งตอนนี้จะต้องดำเนินการเข้มงวดในขั้นสูงสุด โดยมาตรการที่ออกมาก็จะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหรือบีบมากเกินไป แต่เป็นมาตรการที่ได้ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้ว และยืนยันว่าไทยมีความพร้อมในการรักษา ทั้งด้านยา การรักษา และเวชภัณฑ์ต่างๆ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มี.ค. 63)
Tags: COVID-19, กระทรวงสาธารณสุข, โควิด-19, โรคติดต่ออันตราย, โรคระบาด