นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังดูมาตรการต่างๆ เพื่อออกมาช่วยเหลือประชาชนให้อย่างครอบคลุม
รวมถึงผู้ประกอบการที่จะได้รับการช่วยเหลือในรูปแบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ, การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ โดยกระทรวงการคลัง หรือธนาคารต่างๆ ก็จะทยอยออกมาตรการช่วยเหลือควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไปในตัว โดยเฉพาะเมื่อหากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นในเดือนม.ค.นี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะทยอยออกมา เช่น โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เป็นต้น
ส่วนการปลดล็อคมาตรการต่างๆ นั้น หลังจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ส่วนกลาง จะประชุมประเมินสถานการณ์ เพื่อปลดล็อคมาตรการต่างๆ ต่อไป โดยรัฐบาลรับทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอย่างดี แต่การดำเนินมาตรการต่างๆ นั้น จะต้องพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน
ส่วนการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 นายอนุชา ยืนยันว่า รัฐบาลมีขั้นตอนดำเนินการจัดหาอย่างรอบคอบ ไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากการดำเนินการต่างๆ ได้ผ่านคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ รวมถึงมีการประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จนนำมาสู่การทำสัญญาระหว่างบริษัท แอสตร้า เซนเนก้า กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งถือว่าเป็นการทำสัญญาที่ต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้กับประเทศไทยด้วย ไม่ใช่การนำเข้าแต่เพียงอย่างเดียว
“คนไทยจะต้องใช้วัคซีน 2 โดส ต่อ 1 คน รวมแล้วประมาณ 130 ล้านโดส ดังนั้น วัคซีนจะต้องมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ จึงอยากขอให้ประชาชนมีความเข้าใจ และมั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่นำเรื่องการเมืองมาเสี่ยงกับด้านสาธารณสุข ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ”
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ม.ค. 64)
Tags: COVID-19, คลายล็อกดาวน์, วัคซีนต้านโควิด-19, อนุชา บูรพชัยศรี, เยียวยาโควิด, โควิด-19