นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจปี 64 จะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยตั้งเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีงานในมือ ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อล่วงหน้า (Backlog) ไว้แล้วประมาณ 600-700 ล้านบาท และแนวโน้มธุรกิจรับผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ประเทศอินเดีย ผ่าน FPI AUTOPARTS INDIA PRIVATE LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น และคาดว่าในปีนี้จะเป็นปีแรกที่สามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดจาก หลังจากเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเรียบร้อยแล้ว
“ในปี 64 คาดว่าธุรกิจที่อินเดีย จะเริ่มเทิร์นอะราวด์ หลังจากที่บริษัทเข้าซื้อหุ้นทั้งหมด ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนในด้านต่าง ๆ ได้ดี และขณะนี้ได้เริ่มทำการตลาดในอินเดียแล้ว ทำให้มีออร์เดอร์เข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าระยะยาวอินเดียเป็นประเทศขนาดใหญ่ มีกำลังซื้อค่อนข้างมาก รวมทั้งจะทำให้สามารถเป็นฐานผลิตให้กับ FPI ได้โดยใช้เป็นฐานในการส่งออก เพราะต้นทุนคาแรงต่ำกว่าไทย”
นายสมพล กล่าว
นายสมพล กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน บริษัทได้รับงานที่เป็น OEM จากค่ายรถยนต์ต่างๆ โดยเฉพาะการทำสัญญารับจ้างผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในรุ่น รีโว , ฟอร์จูนเนอร์ ล่าสุดมีออเดอร์ในส่วนของรถยนต์รุ่นที่ออกใหม่เข้ามาเพิ่มได้แก่ โตโยต้าครอส , รีโว่ ร็อคโค่ , ฟอร์จูนเนอร์ รวมถึงค่ายรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด, นิสสัน ,มิตซูบิชิ ส่งผลให้งานด้าน OEM ของบริษัทเติบโตได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อจะผลิตสินค้ารองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต ซึ่งจะช่วยทำให้มีรายได้เพิ่ม สนับสนุนบริษัทฯมีการเติบโตได้อย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทยังคงมาตรการที่เข้มข้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จึงเชื่อมั่นว่าจะไม่ได้รับผลกระทบที่มีนัยสำคัญกับสายการผลิต และมั่นใจว่าจะสามารถผ่านวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ม.ค. 64)
Tags: FPI, ชิ้นส่วนรถยนต์, ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้, สมพล ธนาดำรงศักดิ์, หุ้นไทย