นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบวงเงินรวมไม่เกิน 5,816.3631 ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ สำหรับโครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการ ของหน่วยงานส่วนภูมิภาค กระทรวงสาธารณสุข รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 เฉพาะในส่วนของรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างที่เน้นในการรักษาพยาบาล ช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วย การคัดกรองวินิจฉัยผู้ป่วย การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโดยตรง ประกอบด้วย ค่าสิ่งก่อสร้างไม่เกิน 389.3071 ล้านบาท และค่าครุภัณฑ์ไม่เกิน 5,427.0560 ล้านบาท
การดำเนินโครงการ ประกอบด้วย
- 1) การปรับปรุงสิ่งก่อสร้าง หอพักผู้ป่วยวิกฤติ ปรับปรุงห้องแยกโรค การปรับปรุงระบบปรับอากาศ ปรับปรุง ARI Clinic และจัดสถานที่และระบบการบริการให้อยู่ภายใต้มาตรการการดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ปรับปรุงห้องแยกโรคสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ออกแบบพื้นที่ในการติดตามอาการที่ต้องป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ตลอดจนปรับปรุงการให้บริการ อาทิ แยกสัดส่วนงานบริการทันตกรรม ผ่าตัด ให้ปลอดภัยตามมาตรฐานขณะปฏิบัติหัตถการ
- 2) ครุภัณฑ์ทางการแพทย์และครุภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องผลิตและให้ออกซิเจนสำหรับผู้ป่วย เครื่องส่องตรวจระบบทางเดินหายใจเพื่อเพิ่มความแม่นยำ และความปลอดภัยในการใส่ท่อช่วยหายใจ อุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจ PAPR เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ ระบบฟอกอากาศและกรองอากาศเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อทางอากาศ อุปกรณ์เคลื่อนย้ายผู้ป่วย อาทิ Isolation เครื่องตรวจสอบสารพันธุกรรม RT CPR เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัยโรค เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิแบบเทอโมสแกน ครุภัณฑ์ยานพาหนะและขนส่ง อาทิ รถพยาบาล
- 3) ค่าใช้จ่ายของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและสาธารณสุขอำเภอ ในการติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวัง สอบสวน ควบคุม และรักษาพยาบาล เพื่อลดการแพร่ระบาดในวงกว้างด้วย
นอกจากนี้ ครม.ได้เห็นชอบในหลักการของรายการค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการดำเนินงานและบริหารจัดการเฝ้าระวัง ติดตาม ควบคุมกำกับ การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและอำเภอ โดยมีกรอบวงเงินไม่เกิน 429.6171 ล้านบาท ทั้งนี้เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขขอรับการจัดสรรแหล่งเงินเพื่อดำเนินการจากแหล่งเงินอื่นๆตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาลให้มีศักยภาพในการรักษาพยาบาล ควบคุม ป้องกัน ฟื้นฟูสภาพของประชาชนจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ และเตรียมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการในการบำบัดรักษา ป้องกัน ควบคุมโรค ของหน่วยบริหารสาธารณสุขให้พร้อมในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
พร้อมกันนั้น ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบวงเงิน 473.15 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) จำนวน 22,248 คน ระยะที่ 5 (ตั้งแต่ 1 ต.ค.-30 พ.ย.63) โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยให้เบิกจ่ายในงบดำเนินงาน
โดยกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายให้ร่วมกันจัดสถานที่/พื้นที่สำหรับสังเกตอาการ เพื่อใช้ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ที่ผ่านมาได้ใช้สถานที่ราชการ 2 แห่ง และโรงแรมเอกชน 26 แห่ง จัดตั้งพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) รองรับผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้ารับการกักกันตัวในพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) จำนวน 63,570 คน ตั้งแต่ 7 มี.ค. – 30 ก.ย.63 (ระยะที่ 1 – 4) โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,536 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ม.ค. 64)
Tags: ครม., อนุชา บูรพชัยศรี, เยียวยาผลกระทบโควิด-19, เยียวยาโควิด