ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (CEBR) เปิดเผยรายงานประจำปีในวันนี้บ่งชี้ว่า จีนจะแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2571 หรือในอีก 8 ปีข้างหน้า ซึ่งเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เดิม 5 ปี ทั้งนี้เนื่องจาก 2 ประเทศมีการฟื้นตัวที่แตกต่างกันจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก
CEBR กล่าวว่า การจัดการกับโรคระบาดอย่างมีทักษะของจีน พร้อมด้วยการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในช่วงเริ่มต้น ทำให้การปรับตัวของเศรษฐกิจจีนดีขึ้น เมื่อเทียบกับสหรัฐซึ่งเศรษฐกิจได้รับผลกระทบในระยะยาว
จีนจะมีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ย 5.7% นับตั้งแต่ปี 2564-2568 ก่อนชะลอลงสู่ 4.5% ในช่วงปี 2,569-2573 ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังโรคระบาดสิ้นสุดลงในปี 2564 แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะชะลอลงสู่ 1.9% ต่อปีระหว่างปี 2565-2567 และจะชะลอลงสู่ 1.6% หลังจากนั้น
ญี่ปุ่นจะยังคงเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกไปจนถึงต้นทศวรรษ 2573 และจะถูกแซงหน้าโดยอินเดีย ขณะที่เศรษฐกิจเยอรมนีจะตกจากอันดับ 4 ไปเป็นอันดับ 5 และสหราชอาณาจักรซึ่งปัจจุบันมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 5 ของโลกนั้น จะตกไปอยู่ที่อันดับ 6 นับตั้งแต่ปี 2567
ทั้งนี้ CEBR จัดอันดับ 10 ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2563 โดยพิจารณาจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ดังนี้ 1. สหรัฐ 2. จีน 3. ญี่ปุ่น 4. เยอรมนี 5. สหราชอาณาจักร 6. อินเดีย 7. ฝรั่งเศส 8. อิตาลี 9. แคนาดา 10. เกาหลีใต้
สำหรับประเทศไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 25 ของโลกในปีนี้ โดยหล่นจากอันดับ 24 ในปี 2562
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ธ.ค. 63)
Tags: CEBR, จีนสหรัฐ, ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ, เศรษฐกิจโลก