ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ใช้สิทธิ์วีโต้เพื่อไม่ให้มีการบังคับใช้ร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ (National Defense Authorization Act หรือ NDAA) สำหรับปีงบประมาณ 2564 แม้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้คะแนนเสียงสนับสนุนมากพอในสภาคองเกรสในระดับที่สกัดการใช้สิทธิ์วีโต้ได้
ก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่าเขาจะใช้สิทธิ์วีโต้ เพื่อไม่ให้มีการบังคับใช้กฎหมายมูลค่า 7.41 แสนล้านดอลลาร์ฉบับนี้ โดยสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาสหรัฐ จะต้องสกัดการใช้สิทธิ์วีโต้ดังกล่าวเพื่อให้บังคับใช้กฎหมายนี้ได้
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 335 ต่อ 78 เสียง ผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงดังกล่าว ขณะที่วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 84 ต่อ 13 เสียง ให้ผ่านร่างกฎหมายนี้ด้วยเช่นกัน นับว่ามากพอที่จะสามารถสกัดการใช้สิทธิ์วีโต้ของปธน.ทรัมป์ได้เพราะถึง 2 ใน 3
การใช้สิทธิ์วีโต้ของปธน.ทรัมป์ในครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะร่างกม.ความมั่นคงแห่งชาติไม่มีใครวีโต้มาเกือบ 60 ปีแล้ว
ปธน.ทรัมป์ ระบุในแถลงการณ์ถึงสภาคองเกรสเพื่อแจ้งการใช้สิทธิ์วีโต้ว่า “ผมขอส่งคืนร่างกฎหมาย H.R. 6395 โดยผมไม่อนุมัติ … รัฐบาลของผมเล็งเห็นความสำคัญที่ร่างกฎหมายนี้มีต่อความมั่นคงของชาติ”
ปธน.ทรัมป์ ระบุว่า “น่าเสียดายที่ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่มีการพูดถึงเรื่องมาตรการรักษาความมั่นคงของชาติที่สำคัญ มีบทบัญญัติที่ไม่เอาใจใส่ทหารผ่านศึกและประวัติศาสตร์กองทัพสหรัฐ ทั้งยังขัดต่อความพยายามของรัฐบาลภายใต้การนำของผมเพื่อผลักดันให้อเมริกามาก่อนในการดำเนินการด้านความมั่นคงของชาติและนโยบายต่างประเทศ”
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้คัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะให้เงินสนับสนุนกองทัพสหรัฐไปจนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า เพราะไม่มีบทบัญญัติในการยกเลิกหรือ “ปรับเปลี่ยนส่วนสำคัญ” ในมาตรา 230 ของกฎหมายว่าด้วยการสื่อสารที่เหมาะสม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้การคุ้มครองทางกฎหมายแก่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก โดยปธน.ทรัมป์อ้างว่าบริษัทเหล่านี้ใช้กฎหมายมาตราดังกล่าวในการปราบปรามการแสดงความคิดเห็นในทางอนุรักษ์นิยม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สภาผู้แทนฯ สหรัฐเตรียมลงคะแนนโหวตเพื่อยกเลิกสิทธิ์วีโต้ของปธน.ทรัมป์ในวันจันทร์หน้าตามเวลาสหรัฐ และวุฒิสภาจะเปิดโหวตในวันอังคาร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 63)
Tags: กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ, สภาคองเกรส, สหรัฐ, สิทธิ์วีโต้, โดนัลด์ ทรัมป์