บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ระบุว่า จากการที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างชาติและผู้ประกอบการในตลาดกลางค้ากุ้ง โดยตลาดกุ้ง (ทะเลไทย) ประกาศหยุดทำการตั้งแต่ 19 ธ.ค.63 – 3 ม.ค.64 นั้น
คาดว่าในเบื้องต้นผลกระทบต่อผลประกอบการของ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) และ บมจ.ไทยยูเนี่ยน (TU) ยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจกุ้ง ทั้งในด้านการเลี้ยง (เนื่องจากเป็นฤดูหนาว) และการส่งออก เนื่องจากการส่งออกจะพีคในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งต่างประเทศมีการนำเข้าสินค้าก่อนเข้าสู่เทศกาลคริสต์และปีใหม่
โดย CPF มีรายได้จากธุรกิจกุ้งในไทยและการส่งออกประมาณ 4-5% มีรายได้จากธุรกิจกุ้งในไทยและการส่งออกประมาณ 4-5% ของยอดขายรวมต่อปี ขณะที่ TU มีสัดส่วนประมาณ 10-15% และมีโรงงานที่มหาชัย ซึ่งยังต้องติดตามว่าการระบาดจะขยายวงกว้างหรือไม่
นอกจากนี้ มีการล็อกดาวน์ในพื้นที่จ.สมุทรสาคร ทำให้มีการปิดศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนีตี้มอล์ ตั้งแต่ 19 ธ.ค.63 – 3 ม.ค.64 ส่วนร้านสะดวกซื้อยังเปิดได้ แต่ต้องปิดบริการเวลา 22.00 -05.00 น. มองว่า หากการระบาดไม่ขยายวงกว้างจนทำให้มีการล็อกดาวน์หลายจังหวัด คาดว่ามีผลกระทบจำกัดต่อผลประกอบการกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากจำนวนสาขาที่ปิด มีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับสาขาทั้งหมด อีกทั้งสาขาในพื้นที่อื่นๆ ยังคงเปิดดำเนินการ และยังสามารถซื้อสินค้าออนไลน์ได้
อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าวเป็นความเสี่ยงและปัจจัยลยกดดันราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกในช่วงนี้ แนะนำ ชะลอการลงทุน
ทั้งนี้ กลุ่มค้าปลีกที่มีสาขาในสมุทรสาคร ได้แก่ BIGC มี 2 สาขา , ร้าน 7-Eleven ประมาณ 200 สาขา , GLOBAL มี 1 สาขา, HMPRO 1 สาขา และ DOHOME มี 1 สาขา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 63)
Tags: COVID-19, CPF, MBKET, TU, หุ้นไทย, อาหารทะเล, อาหารแช่แข็ง, เจริญโภคภัณฑ์อาหาร, เมย์แบงก์กิมเอ็ง, โควิด-19, ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป