
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (24 เม.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และวัสดุ ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ พร้อมจับตานโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 518.61 จุด เพิ่มขึ้น 1.84 จุด หรือ +0.36%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,502.78 จุด เพิ่มขึ้น 20.42 จุด หรือ +0.27%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,064.51 จุด เพิ่มขึ้น 102.54 จุด หรือ +0.47% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,407.44 จุด เพิ่มขึ้น 4.26 จุด หรือ +0.05%
ดัชนีหุ้นกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนพุ่งขึ้น 1.9% โดยหุ้นเรโนลต์ (Renault) ผู้ผลิตรถยนต์จากฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 4.4% หลังรายงานรายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ดัชนีหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1% เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาทองแดงที่ยังอยู่ในระดับสูง แม้จะมีความไม่แน่นอนเรื่องภาษีของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารถ่วงตลาด โดยลดลง 1% โดยหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ (BNP Paribas) ธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศสร่วง 2.1%
หุ้นกลุ่มโทรคมนาคมลดลง 0.8% หลังหุ้นโนเกีย (Nokia) ของจากฟินแลนด์ ร่วงหนักถึง 9.4% หลังเผยกำไรไตรมาสแรกต่ำกว่าเป้า
ทำเนียบขาวส่งสัญญาณเมื่อวันพุธว่า อาจลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนบางส่วน ขณะที่ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ย้ำว่า ภาษีที่ระดับสูงไม่สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว แต่ก็ชี้ว่า การลดภาษีจะไม่เกิดขึ้นแต่เพียงฝ่ายเดียว
บรรยากาศตลาดดีขึ้นอีกจากการที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ หยุดวิจารณ์ เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังเคยเรียกร้องให้เขาลาออก
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลเยอรมนีปรับลดคาดการณ์การเติบโตในปี 2568 เหลือแค่ทรงตัวจากเดิมที่คาดว่าอาจขยายตัว 0.3% แต่มีข่าวดีเล็กน้อยเมื่อดัชนี Ifo ซึ่งวัดความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีดีเกินคาดในเดือนเม.ย. หลังจากตัวเลข PMI ของยูโรโซนและอังกฤษเมื่อวันก่อนหน้านั้นออกมาอ่อนแอ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 เม.ย. 68)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป