
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนกัมพูชาว่า ได้หารือกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงกรณีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษี ซึ่งประเทศไทยเลือกที่จะดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดในทุกมุม โดยที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก และคิดว่าสหรัฐฯ ต้องรอดูผลตอบรับที่ออกไปทั่วโลกว่าเป็นอย่างไร ในส่วนของการเตรียมข้อมูลตอนนี้ยังอยู่ในทิศทางที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ ได้หารือถึงกรอบความร่วมมือของอาเซียนว่าแต่ละประเทศมีความแข็งแรงของตัวเองอย่างไรบ้าง และหากมารวมกันในกรอบของอาเซียนทำอะไรได้บ้าง เพราะจริง ๆ แล้วแต่ละประเทศมีทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร และมีจุดแข็งอีกมาก ถ้ามาร่วมกันแล้วเพิ่มอำนาจการต่อรองจะเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดยังเป็นเพียงแค่แนวความคิด และยังไม่มีการลงนามหรือเซ็นเอกสารใด
นายกฯ กล่าวว่า ตนและนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต่างได้คุยกับผู้นำในประเทศอาเซียน ซึ่งเห็นตรงกันว่า ถ้าเราร่วมมือกันในกลุ่มอาเซียนจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ก็จะสามารถมีอำนาจในการต่อรอง ซึ่งเราพร้อมที่จะร่วมมือกัน หากมีการขึ้นกำแพงภาษีก็จะรอดไปด้วยกัน เพราะเรามีสิ่งที่มีความเฉพาะของประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทวีปอื่นไม่มีเหมือนอาเซียน
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่เราต่อรองได้อย่างแข็งแรง เมื่อได้คุยแล้วก็ดีใจที่ประเทศในกลุ่มอาเซียน ก็เห็นตรงกันในเรื่องนี้ เพราะการที่เราจะต่อรองจะต้องต่อรองอย่างคนที่จะเจรจาแบบเป็นเพื่อนกัน ต่อรองแบบไม่ต้องเสียเปรียบหรือได้เปรียบในช่องว่างที่ใหญ่จนรับไม่ได้ แต่ต้องต่อรองให้เราและเขาก็เข้มแข็งเช่นกันต้อง win win ทั้งคู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นตรงกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการรอจังหวะสังเกตดูท่าทีของสหรัฐฯ ก่อนที่จะเจรจาคิดว่าเป็นผลดีต่อไทย เพราะสหรัฐฯ เองก็สังเกตและดูท่าทีของรอบโลกเช่นกัน พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลปรึกษาทางเอกชนด้วย ทั้งผู้ประกอบการที่ลงทุนในสหรัฐฯ เพราะเราอยากรู้ความเคลื่อนไหวว่าสามารถจะทำอะไรได้บ้างให้ครบถ้วน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 เม.ย. 68)
Tags: กัมพูชา, ขึ้นภาษี, นายกรัฐมนตรี, สหรัฐ, อาเซียน, ฮุน มาเนต, แพทองธาร ชินวัตร