ก.ล.ต. จ่อปรับเกณฑ์ SRI Fund ลงทุนในกิจการที่อยู่ระหว่างเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนได้

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) โดยเพิ่มการจัดประเภทการลงทุน (label) ให้ชัดเจน เพิ่มมาตรฐานการลงทุน และเพิ่มความรับผิดชอบและโปร่งใสในการบริหารจัดการของกองทุน เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนเลือกลงทุนได้สะดวกขึ้น และลดความเสี่ยงการฟอกเขียว (greenwashing)

ก.ล.ต. ได้ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (Sustainable and Responsible Investing Fund: SRI Fund) ในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านกลไกตลาดทุน จึงเห็นความจำเป็นในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการกำกับดูแลของสากล ความคาดหวังของผู้ลงทุน และเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น

ก.ล.ต. จึงเปิดรับความคิดเห็นต่อหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์ของ SRI Fund โดยมุ่งเน้นให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ปฏิบัติตามหลักการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ (responsible investment) พร้อมยกระดับแนวปฏิบัติของ SRI Fund ให้สามารถขับเคลื่อนการลงทุนในกิจการที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่าน (transition) สู่ความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1.จัดประเภท (label) SRI Fund ตามวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืน (sustainability objective) และลักษณะของกิจการที่ลงทุน โดยแบ่งเป็น 5 ประเภท เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนใน SRI Fund ได้ตรงตามวัตถุประสงค์และมีความสะดวกขึ้น ได้แก่

(1) SRI Focus: มุ่งยั่งยืน เน้นลงทุนในกิจการที่ได้รับการประเมินว่ามีมาตรฐาน ESG ในระดับที่น่าเชื่อถือ

(2) SRI Improver: เน้นปรับเปลี่ยน เน้นลงทุนในกิจการที่มีเป้าหมายและแผนที่ชัดเจนในการพัฒนา ESG เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน

(3) SRI Promote: โปรโมท เน้นลงทุนในกิจการที่สนับสนุนการพัฒนา ESG

(4) SRI Impact: มุ่งผลบวก เน้นการสร้างผลกระทบ (outcome) ด้านความยั่งยืนของกองทุน

และ (5) SRI Mixed Goals: ผสมผสาน เน้นลงทุนผสมผสานในกิจการที่มี ESG ในหลายลักษณะตามที่ระบุ

2.เพิ่มความรับผิดชอบและโปร่งใสในการจัดการ SRI Fund และลดความเสี่ยงด้านการฟอกเขียว ได้แก่

(1)กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของการลงทุน โดยกิจการที่เข้าเกณฑ์ลงทุนยั่งยืน ต้องไม่รวมถึงกิจการในลักษณะที่กำหนด (minimum exclusion list) เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธสงคราม สื่อลามก การพนัน เป็นต้น นอกจากนี้ SRI Fund ต้องไม่ลงทุนในกิจการที่สร้างผลกระทบด้านลบอย่างมีนัยสำคัญด้วย (Do No Significant Harm) ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม หรือความรับผิดชอบ จริยธรรมในการกำกับดูแลกิจการ

(2)เพิ่มความชัดเจนในการเปิดเผยข้อมูลตัวชี้วัด (benchmark) โดยแยกการเปิดเผยข้อมูลระหว่างตัวชี้วัดผลการดำเนินงานกองทุน (performance benchmark) กับตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน (reference ESG benchmark) ของ SRI Fund ซึ่งสอดรับกับแนวทางสากล

(3)เพิ่มความโปร่งใส รับผิดชอบในการจัดการ SRI Fund โดยให้ บลจ. เปิดเผยข้อมูลการจัดการเพิ่มเติมในรายงานประจำปีกองทุน เช่น วิธีวัดผลและติดตามตรวจสอบระดับความยั่งยืนของกิจการที่ลงทุน เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่า SRI Fund ดำเนินการสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนที่แสดงไว้

(4)ผ่อนคลายให้ SRI Impact ใช้ผู้ตรวจสอบการวัดผลกระทบเชิงบวก (impact verifier) ตามความสมัครใจ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากลที่ให้ใช้ verifier ตามความสมัครใจ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการกองทุนรวมที่ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ

(5)เพิ่ม ‘Sustainability corner’ ใน factsheet ให้เป็นพื้นที่เปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนอย่างชัดเจน

3.กำหนดให้กองทุนที่ใช้ชื่อหรือแสดงนโยบายลงทุนที่เน้นด้าน ESG หรือความยั่งยืนที่ยังไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน SRI Fund ต้องแก้ไขรายละเอียดโครงการจัดการเพื่อให้เป็น SRI Fund และเปิดเผยข้อมูลในมาตรฐานเดียวกัน ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นซึ่งมีรายละเอียดการปรับปรุงหลักการในเรื่องดังกล่าวที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=1066 และระบบกลางทางกฎหมาย

http://law.go.th/listeningDetail?survey_id=NTE3N0RHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ= ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือทางอีเมล [email protected] หรือ [email protected]  จนถึงวันที่ 6 พฤษภาคม 2568

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 เม.ย. 68)

Tags: , ,
Back to Top