บมจ.ซาบีน่า (SABINA) เผยผลประกอบการไตรมาส 3/63 รายได้รวมอยู่ที่ 815.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.9% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากการคลายล็อกดาวน์ 100% แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 3.8% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังฉุดกำลังซื้อ ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 85.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.1% จากไตรมาส 2/63 โดยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 47.1% เทียบไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) สูงขึ้นจาก 38.8% บ่งชี้ผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ทำให้รายได้ในไตรมาส 3/63 ฟื้นตัวขึ้น มาจากรายได้จากการขายในช่องทางหลักอย่างช่องทางรีเทล (Retail) ทั้งในซาบีน่าช้อปและเคาน์เตอร์ซาบีน่าในห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบหลังการคลายล็อกดาวน์ 100% ทำให้รายได้ในช่องทางนี้เติบโตสูงถึง 42.6% จากไตรมาส 2/63 แต่ก็ยังลดลง 12.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/62 เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะที่การขายในช่องทางออนไลน์ (Non Store Retailing) ลดลง 21% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 ที่เป็นช่วงล็อกดาวน์การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นไปอย่างคึกคัก แต่เมื่อเทียบแบบปีต่อปี (YoY) กับไตรมาส 3/62 พบว่าเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 74.6% ซึ่งแนวโน้มการเติบโตในช่องทางออนไลน์ยังถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างมาก
สำหรับรายได้จากช่องทางการส่งออก (Export) ในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เพิ่มขึ้น 33.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 แต่ลดลง 68.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/62 เนื่องจากประเทศในกลุ่ม CLMV ยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ส่วนรายได้จากการรับจ้างผลิต (OEM) เพิ่มขึ้น 23.6% จากไตรมาส 2/63 และเพิ่มขึ้น 6.7% จากไตรมาส 3/62 จากคำสั่งผลิตที่ทยอยมีเข้ามา โดยฐานลูกค้า OEM ของซาบีน่าอยู่ในยุโรปและสหราชอาณาจักร ดังนั้น ซาบีน่าจึงไม่ได้รับผลกระทบจากการถูกสหรัฐตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) แต่อย่างใด
“จากผลประกอบการเปรียบเทียบแบบไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) ทำให้เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานของซาบีน่าได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาสที่ 2 และดีขึ้นกว่าที่คาดในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยรายได้รวมเติบโตขึ้นเกือบ 24% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 70.1% อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบผลการดำเนินงานแบบปีต่อปี ต้องยอมรับว่า รายได้รวมและกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ลดลง 3.8% และ 26.4% ตามลำดับเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว (YoY) ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว
เพราะผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้กำลังซื้อลดลงอย่างชัดเจน แม้ว่าจะอยู่ในช่วงคลายล็อคดาวน์ แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังประสบปัญหาด้านรายได้ บริษัทฯ จึงเดินหน้าบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เพิ่มขึ้นจาก 38.8% ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ขึ้นมาอยู่ที่ 47.1% ในไตรมาสที่ 3 ขณะที่การปรับสัดส่วนการผลิตด้วยการลดการผลิตหน้ากากผ้า ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมาร์จินต่ำ และเพิ่มการผลิตชุดชั้นใน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นด้วย”
นายบุญชัย กล่าว
ไตรมาส 4/63 ซาบีน่ายังเดินหน้าทำแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับกับมาตรการช้อปดีมีคืนของรัฐบาลที่ให้สิทธิประโยชน์นำรายจ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการ ระหว่างวันที่ 23 ตุลาคมถึง 31 ธันวาคม 2563 ในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาทไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และในไตรมาสที่ 4 ยังมีแคมเปญ 11.11 ที่ซาบีน่าร่วมกับแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำอย่างลาซาด้า ในการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการขาย ซึ่งผลิตภัณฑ์ซาบีน่ายังคงเป็นสินค้าที่มียอดขายสูงสุดในกลุ่มแฟชั่น
นอกจากนี้ การที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จากความคาดหวังเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่นายโจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ยังส่งผลดีต่อการนำเข้าสินค้าจ้างผลิตจากต่างประเทศของซาบีน่า ทำให้ต้นทุนต่ำลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้อีกทางหนึ่งด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ย. 63)
Tags: SABINA, ซาบีน่า, บุญชัย ปัณฑุรอัมพร, ผลประกอบการ, หุ้นไทย