โกลด์แมนแซคส์คาดราคาทองพุ่งแตะ 3,300 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 68 รับดีมานด์ธนาคารกลางแกร่ง

โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำขึ้นสู่ระดับ 3,300 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปี 2568 โดยระบุว่าความต้องการทองคำของธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆ มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดของนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าราคาทองคำจะอยู่ที่ระดับ 3,100 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2568 นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า เป้าหมายราคาทองคำที่ระดับ 3,300 ดอลลาร์นั้น สะท้อนถึงการซื้อทองคำเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนพ.ย. 2567 จนถึงเดือนม.ค. 2568 โดยธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ได้เข้าซื้อทองคำประมาณ 190 ตันต่อเดือน พร้อมกับคาดการณ์ว่าจีนจะเดินหน้าเข้าซื้อทองคำในอัตราที่รวดเร็วเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี

ทั้งนี้ ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปแล้ว 15% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนบางส่วนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับเปลี่ยนไปใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และล่าสุดในเดือนนี้ราคาทองคำทะยานขึ้นทะลุแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลว่านโยบายต่างประเทศและนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก

ส่วนในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กในวันพุธ (26 มี.ค.) ราคาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดตลาดขยับลง 0.11% โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ แต่ราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้นักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันพุธ เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. โดยภาษีนำเข้ารถยนต์ครั้งล่าสุดนี้ เพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ 2.5% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการฟื้นฟูการผลิตภายในประเทศและดึงดูดการลงทุนเพิ่มเติมเข้ามาในสหรัฐอเมริกา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มี.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top