วิจัยกสิกรฯ คาด NPL แบงก์พาณิชย์ปี 68 อยู่ที่ 2.65-2.85% มองมาตรการซื้อหนี้ยังต้องรอรายละเอียด

น.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ในส่วนของหนี้เสีย (NPLs) ของระบบธนาคารพาณิชย์ คาดไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 2.75% คาดปี 68 อยู่ที่ 2.65-2.85% ทั้งนี้ มองว่าตัวเลขยังไม่สูง หากเทียบกับวิกฤตที่อยู่ที่ 50% ขณะเดียวกัน มองว่าระบบธนาคารไม่น่าจะมีปัญหา แต่ปัญหาจะอยู่กับธนาคารไปพอสมควร ส่งผลให้ Performance ของธนาคารต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเมื่อเทียบกับสถาบันทางการเงินที่มีปัญหาเดียวกัน ทั้งนี้ ยังถือว่าไม่น่ากังวลเพราะ NPL สำรองเกินเป็นเท่าตัวอยู่แล้ว โอกาสที่จะเกิดวิกฤตไม่น่าจะเกิดขึ้น

น.ส.ธัญญลักษณ์ กล่าวว่า ตอนนี้สถานการณ์ของหนี้ นอกจากธนาคารแล้ว ยังเป็นเรื่องของ Non Bank ด้วย ทำให้ ROE ของ Non Bank ค่อย ๆ ลดลง ดังนั้น มองว่าการแก้ไขต้องทำให้ใหญ่ขึ้นและครอบคลุม แต่มีข้อกังวล 3 ส่วนคือ

1. มาตรการช่วยเหลือในระยะแรก ต้องดูที่ต้นเหตุของหนี้ให้ชัดเจน จะทำให้โอกาสในการสำเร็จมีมากกว่า

2. Moral Hazard วัฒนธรรมเครดิต คือกู้แล้วต้องใช้คืน

3. ถ้าจะทำให้ยั่งยืน ต้องมีรายได้และวินัยในการใช้จ่าย และถ้าการบริหารจัดการหนี้ ต้องมีการเผื่อเงินไว้ช่วยลูกหนี้ บางรายที่เป็นลูกหนี้ที่ดีต้องให้สินเชื่อต่อ บางรายที่มีปัญหาต้องปิดจบ

“มาตรการซื้อหนี้ ตอนนี้ยังมีรายละเอียดไม่ชัดเจน แต่เป็นไปได้หรือไม่ที่จะตั้งกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเพื่อให้ประสบความสำเร็จ หนี้เสียเพราะอะไร เพราะโควิด หรือเหตุผลบางอย่าง ถ้าช่วยแล้วเขาลืมตาอ้าปากได้ แบบนี้ถ้าเราไปช่วยซื้อไปและบริหารจัดการ ผลลัพธ์ก็จะเริ่มชัด ถ้าออกมาชัดแล้วมาตรการลงไปที่ธนาคาร แล้วธนาคารเห็นด้วย ก็จะเริ่มเห็นบางกลุ่มที่ดีขึ้น เพราะออกจากระบบธนาคาร โดยสำคัญคือถ้าเล่นหนี้ก้อนใหญ่ ไม่รู้แหล่งที่มา การช่วยเหลือก็จะใช้เงินเยอะมาก โอกาสในการสำเร็จน้อย” น.ส.ธัญญลักษณ์ กล่าว

  • ซื้อหนี้ ยังรอรายละเอียด-แนวทาง

นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า จากการประชุมที่สมาคมธนาคารไทยได้มีการพูดคุยเรื่องการซื้อหนี้ ซึ่งมีแนวคิดที่จะช่วยหนี้กลุ่มรหัส 21 หรือหนี้จากเครดิตบูโร (NCB) ผลจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมามีประมาณ 3 ล้านคน หนี้ประมาณ 120,000 ล้านบาท

“มองว่ากลุ่มนี้ไม่ได้ใหญ่ไป และเชื่อว่าเขาเป็นคนดีมาตลอด แต่ช่วงโควิดทำให้เขาต้องมาเป็นหนี้ และหลุดออกจากหล่มไม่ได้ กลุ่มนี้ก็มีความคิดว่าอยากช่วย แต่ยังไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร และเงินมาจากรัฐบาลหรือเอกชน และช่วยแล้วอย่างไรต่อ ช่วยแล้วใครจะมาบริหารดูแลต่อ จะต้องไปอยู่กับรัฐหรือเอกชน ก็ยังไม่มีคำตอบ ยังอยู่ระหว่างหารือ แต่สำคัญคือต้องช่วยกลุ่มที่อธิบายได้ เพราะช่วยได้ไม่หมด เพราะถ้าช่วยหมดจะเกิด Moral Hazard” นายบุรินทร์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 68)

Tags: , , , , ,
Back to Top