
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (20 มี.ค.) หลังสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านรอบใหม่ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.64% ปิดที่ 68.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.72% ปิดที่ 72.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
สหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านเมื่อวานนี้ โดยมุ่งเป้าไปที่หน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็ก (Teapot) ของจีน และเรือที่จัดส่งน้ำมันดิบให้กับโรงกลั่นน้ำมันดังกล่าว
ทั้งนี้ จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านรายใหญ่ที่สุด โดยโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็กเหล่านี้เป็นโรงกลั่นน้ำมันเอกชนของจีนที่เป็นผู้ซื้อน้ำมันหลักจากอิหร่าน ส่วนอิหร่านผลิตน้ำมันดิบมากกว่า 3 ล้านบาร์เรล/วัน
ทางด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือ โอเปกพลัส ได้ออกกำหนดการใหม่สำหรับประเทศสมาชิก 7 ประเทศ รวมถึงรัสเซีย คาซัคสถาน และอิรัก ให้ลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อชดเชยการผลิตน้ำมันที่เกินกว่าระดับที่ตกลงกันไว้
เว็บไซต์ของโอเปกระบุว่า แผนการนี้จะเป็นการลดกำลังการผลิตรายเดือนประมาณ 189,000 – 435,000 บาร์เรล/วัน โดยการลดกำลังการผลิตตามกำหนดการนี้จะดำเนินไปจนถึงเดือนมิ.ย. 2569
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยล่าสุดกองพลน้อยอัล-กัสซัมของกลุ่มฮามาสได้ยิงจรวด M90 โจมตีกรุงเทลอาวีฟเมื่อวานนี้ เพื่อตอบโต้ต่อการที่อิสราเอลทำการโจมตีฉนวนกาซา
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เดินหน้าโจมตีกลุ่มฮูตีจนกว่าจะยอมยุติการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง และเตือนว่าอิหร่านจะต้องรับผิดชอบต่อการโจมตีใด ๆ ในอนาคตที่เกิดจากกลุ่มฮูตี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 68)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน