
น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ว่า จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า จึงได้แบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วน ในระยะเร่งด่วน เพื่อปูพรมการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เน้นพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่รับผิดชอบของกรมศุลกากร ซึ่งมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยจะไม่มีการระงับคดี และส่งต่อไปยังตำรวจสอบสวนกลาง และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อสืบเส้นทางการเงินเพื่อยึดทรัพย์
ส่วนการปราบปรามร้านค้า ร้านที่มีที่ตั้ง และขายออนไลน์ด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น ซึ่งหากจับกุมกรณีที่มีของกลางมูลค่า เกินกว่า 500,000 บาท จะส่งไปยัง ปปง. แต่หากต่ำกว่า 500,000 บาท ตำรวจจะสืบทรัพย์ และส่งต่อ ปปง. เพื่อดำเนินการ ขณะที่กระทรวงดีอี สามารถปิดกั้นเพจและเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้แล้วกว่า 9,500 กว่าเพจ
พร้อมกันนี้ ยังสร้างความตระหนักรู้เรื่องโทษของบุหรี่ไฟฟ้า และข้อกฎหมายควบคู่กันให้กับประชาชน รวมไปถึงเน้นที่สถานศึกษา เพราะนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยไม่อยากให้เยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าโดยง่าย โดยใช้กลไกที่มีอยู่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว ต้องนำข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาทบทวน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
ส่วนความคืบหน้ามาตรการเร่งด่วน โดยเฉพาะการปราบปรามกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้า นับจากวันที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 25 ก.พ.68 นั้นได้เริ่มดำเนินการทันที โดยตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. – 18 มี.ค. มียอดการจับกุมดำเนินคดี 1,741 คดี ผู้ต้องหา 1,789 คน ของกลาง 1,285,024 ชิ้น รวมมูลค่า 231,881,074 บาท
รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการยกระดับการทำงานที่เข้มข้น ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี มีการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่เข้ามาจัดการ โดยเฉพาะมีส่งข้อมูลไปยัง ปปง.เพื่อสืบเส้นทางการเงิน และขยายผลการจับกุมไปถึงต้นตอรายใหญ่ และยังมีช่องทางการแจ้งเบาะแสส่วนต่าง ๆ แล้ว มีการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ประชาชนสามารถแจ้งผ่านทางแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ที่พัฒนาร่วมกันกับกระทรวงดีอี
“หลังจากการดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มข้น จะรายงานนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้รับมอบหมาย 30 วัน หรือในวันที่ 27 มี.ค.68 ซึ่งต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่ทำงานอย่างเข้มข้น เหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์ ในการส่งรายงานให้กับนายกรัฐมนตรี ถึงสถิติการจับกุม อุปสรรคและข้อปัญหาต่าง ๆ ที่จะมีการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น และระยะยาว” น.ส.จิราพร กล่าว
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง การจับกุมผู้นำเข้าจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยรายงานผลปฏิบัติการตั้งแต่ปี 67 มีการจับกุมไปกว่า 1,400 กว่าราย ของกลางกว่า 1,600,000 ชิ้น มูลค่าการจับกุม 300 กว่าล้านบาท และในปี 2568 ตั้งแต่เดือนม.ค. จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมกว่า 1,800 ราย ของกลางกว่า 1,400,000 ชิ้น
แต่ไฮไลท์อยู่ในช่วงที่รัฐบาลดำเนินการเข้มงวดกวดขัน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.-18 มี.ค. มีการจับกุมไปแล้วกว่า 1,700 ราย ของกลางกว่า 1 ล้านชิ้น ซึ่งเป็นการจับกุมรายใหญ่ถึง 24 ราย ของกลาง 1,200,000 ชิ้น มูลค่าของกลางกว่า 248 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการจับกุมในปี 67 สามารถจับกุมได้มากขึ้นกว่า 468 ราย
พล.ต.ท.อัคราเดช ย้ำว่า บุหรี่ไฟฟ้า มีอันตรายต่อสุขภาพและผิดกฎหมาย มีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่ควรนำมาใช้ ทั้งนี้หากมีการนำไปใช้และเผยแพร่ ขายหรือจำหน่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600,000 บาท, ครอบครองรับฝาก มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 4 เท่าของราคาประเมิน, นำเข้าหรือผลิต จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับ 5 เท่าของราคาประเมิน สูบบุหรี่ไฟฟ้าในเขตปลอดบุหรี่ ปรับ 5,000 บาท
นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ศุลกากร เป็นเหมือนด่านหน้าในการดูแลเรื่องสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งยอมรับว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ไม่ได้ผลิตในเมืองไทย ดังนั้นสินค้าที่ขายกันอยู่ในประเทศนี้ มีต้นทางมาจากต่างประเทศ ส่วนกลไกของกรมศุลกากรถือว่ามีความสำคัญในการควบคุม ซึ่งมาตรการที่ทำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน มาจนถึงข้อสั่งการของ น.ส.แพทองธาร ที่นำระบบข้อมูลบัญชีสินค้ามาขยายผลเชื่อมโยงข้อมูลผู้นำเข้า และประเทศต้นทาง
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งมาตรการ คือ การตรวจสอบทางกายภาพในทุกการขนส่งสินค้าทางเรือ ที่มีความเสี่ยงในการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย บุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงสินค้าอื่นที่เป็นของต้องห้าม
สำหรับมาตรการตามแนวชายแดน และตามลำน้ำ พบว่าจะมีการลักลอบเข้ามาตามบริเวณแนวด่านชายแดน และจะมีการหารือกับศุลกากรประเทศต้นทางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งหากมีข้อมูลแน่ชัดจะสามารถระบุเป้าหมายได้
อธิบดีกรมศุลกากร ยืนยันว่า จะไม่มีการตกลงยอมความระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยเด็ดขาด และจะมีการดำเนินคดีสูงสุดในทุกกรณี พร้อม ดำเนินมาตรการเชิงรุก ตรวจโกดังสินค้า และสถานที่ทำการไปรษณีย์ รวมถึงบริษัทขนส่งเอกชน โดยมีการขอหมายศาล เข้าตรวจค้น ซึ่งเป็นมาตรการที่เริ่มดำเนินการแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 68)
Tags: จิราพร สินธุไพร, ธีรัชย์ อัตนวานิช, บุหรี่ไฟฟ้า, อัคราเดช พิมลศรี