
บมจ. สกิลเลน เทคโนโลยี [SKILL] ประกาศความสำเร็จในการเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) ของไทย ชูโมเดลธุรกิจที่มีบริการหลากหลาย และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งบุคคลทั่วไป องค์กร และมหาวิทยาลัย ด้วย คอร์สเรียนมากกว่า 4,100 คอร์สเรียน จากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,300 คน และบัญชีผู้ใช้งานมากกว่า 1.3 ล้านบัญชี ตอกย้ำการเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในบริษัท ที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายฐิติพงศ์ พิสิฐวุฒินันท์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SKILL หนึ่งในบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีด้านการศึกษา (Education Technology : EdTech) ของไทย เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี SKILL ดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะทลายกำแพงทางการศึกษา ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยการพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาจากเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม โครงสร้างพื้นฐาน คอนเทนต์ และระบบนิเวศ ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงองค์ความรู้คุณภาพ และออกแบบการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้ในทุกช่วงวัย ผ่านการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์แบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาหลักสูตรการเรียนออนไลน์ (Content) แพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ (Platform) และการให้บริการที่ปรึกษาการเรียนออนไลน์ (Service)

ทั้งนี้ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว บริษัทฯ ได้ออกแบบโมเดลธุรกิจ (Business Model) ให้มีบริการที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุม ทั้งระดับบุคคล องค์กร และขยายไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน SKILL มีคอร์สเรียนมากกว่า 4,100 คอร์ส จากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,300 คน และมีบัญชีผู้ใช้งานมากกว่า 1,300,000 บัญชี สะท้อนความมุ่งมั่นในการเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ของไทย ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ตอบโจทย์แนวคิด Lifelong Learning เพื่อพัฒนาทักษะและสร้างโอกาสให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์แบบครบวงจรในรูปแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน โดยรวบรวมผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขามาร่วมพัฒนาคอร์สออนไลน์ในรูปแบบของวิดีโอ ซึ่งมุ่งเน้นในการพัฒนาทักษะและดึงศักยภาพของคนทุกช่วงวัยให้สามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่ ทำให้ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะของตนเองได้อย่างสะดวกโดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาและการเดินทาง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษาให้แก่ลูกค้าองค์กร โดยปัจจุบันสามารถแบ่งประเภทธุรกิจได้เป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
(1) ธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์แบบครบวงจร ประกอบด้วย SkillLane for Public (B2C) ที่มีทั้งรูปแบบแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์แบบ On-Demand และการพัฒนาความรู้ทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง (CPD) สำหรับบุคคลทั่วไป ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน SkillLane for Business (B2B) แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์สำหรับองค์กร (Corporate Online Training) ที่มีทั้งรูปแบบ Buffet CPD และระบบบริหารจัดการการเรียนรู้ในองค์กร (LMS) และ SkillLane for Online Degrees แพลตฟอร์มสำหรับปริญญาออนไลน์ โดยมีการร่วมทำหลักสูตรปริญญาโทออนไลน์กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้โครงการ TUXSA และร่วมทำหลักสูตรปริญญาโทออนไลน์กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยบริษัทฯ ถือเป็นผู้บุกเบิก Self-Paced Online Master’s Degree แห่งแรกของไทย
(2) ธุรกิจให้คำปรึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษา (SkillLane Innovation) พัฒนาแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน ซอฟต์แวร์ และระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการจัดการด้านการศึกษา โดยให้บริการกับองค์กรภาครัฐและเอกชนที่ต้องการพัฒนาแพลตฟอร์มหรือนวัตกรรมทางการศึกษา
ด้วยจุดเด่นการให้บริการแบบครบวงจรและศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2568 บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากการจัดอันดับโดย Financial Times ร่วมกับ Statista ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลและสถิติที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมทั้งได้รับรางวัล Startup of the Year จาก Prime Minister Award: National Startup 2567 จากสำนักงาน นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถในการปรับตัวของบริษัทฯ ในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทฯ ในระดับนานาชาติอีกด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงปี 2564 – 2566 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการให้บริการรวม 210.68 ล้านบาท 220.11 ล้านบาท และ 235.60 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ประมาณ 5.75% ต่อปี ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรวมเติบโตอย่างก้าวกระโดดที่ 247.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการให้บริการแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์แบบครบวงจร คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 68.96% ของรายได้รวม ซึ่งประกอบไปด้วย (1) การให้บริการสำหรับบุคคลทั่วไป (SkillLane for Public (B2C)) (2) การให้บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กร (SkillLane for Business (B2B)) และ (3) การให้บริการสำหรับปริญญาออนไลน์ (SkillLane for Online Degrees) นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการให้คำปรึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษา (SkillLane Innovation) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30.76% ของรายได้รวม และรายได้อื่น ๆ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.28% ของรายได้รวม สะท้อนความแข็งแกร่งในด้านการดำเนินงาน และศักยภาพการเติบโตจากการขยายธุรกิจไปสู่บริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ SKILL เติบโตอย่างยั่งยืน
“SKILL เชื่อมั่นว่าการศึกษาคือกุญแจสู่อนาคตที่ยั่งยืน ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ดำเนินธุรกิจมา เราได้พัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) การให้บริการแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่มีความแข็งแกร่ง ตอบโจทย์หลากหลายกลุ่มเป้าหมาย และยังคงมุ่งมั่นทลายกำแพงด้านการศึกษาต่อไป โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จะช่วยยกระดับศักยภาพของบริษัทฯ ในการพัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษาเพื่อขยายโอกาสการเรียนรู้ให้คนไทย พร้อมสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน”
นายฐิติพงศ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 68)
Tags: mai, SKILL, ฐิติพงศ์ พิสิฐวุฒินันท์, สกิลเลน เทคโนโลยี