ทรัมป์สั่งเปิดแฟ้มลับคดีลอบสังหาร “เจเอฟเค” กว่า 8 หมื่นฉบับ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งเปิดเผยเอกสารลับเกี่ยวกับคดีลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 มี.ค.) เพื่อแสดงความโปร่งใสตามที่เคยให้คำมั่นไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในรัฐเท็กซัสเมื่อปี 2506

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในช่วงค่ำวันเดียวกัน ทางหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ทยอยเผยแพร่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ชุดแรกผ่านเว็บไซต์ โดยคาดว่าจะมีการเปิดเผยเอกสารทั้งหมดกว่า 8 หมื่นฉบับ หลังจากที่ทีมทนายความจากกระทรวงยุติธรรมใช้เวลาหลายชั่วโมงในการตรวจสอบความเหมาะสม

เอกสารดิจิทัลดังกล่าว ซึ่งรวมถึงไฟล์ PDF ของบันทึกลับที่เพิ่งถูกปลดชั้นความลับ ได้สะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศแห่งความหวาดระแวงในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพโซเวียต ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาในปี 2505 ที่ทำให้โลกเกือบเผชิญสงครามนิวเคลียร์

การเปิดเผยครั้งนี้คาดว่าจะดึงดูดความสนใจจากผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์ช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นนี้ ทั้งในแง่ของเหตุการณ์ลอบสังหารและตัวของปธน.เคนเนดีเอง

เอกสารส่วนใหญ่เปิดเผยถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่สืบสวน ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ผู้ต้องสงสัยในคดีลอบสังหาร ใช้ชีวิตอยู่ในสหภาพโซเวียต รวมถึงการติดตามความเคลื่อนไหวของออสวอลด์ในช่วงหลายเดือนก่อนเหตุการณ์สังหารปธน.เคนเนดีที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2506

จากการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น ยังไม่พบข้อมูลที่ขัดแย้งกับข้อสรุปของคดีที่เคยมีมาก่อนหน้านี้

โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ในรัฐบาลทรัมป์ และเป็นบุตรชายของโรเบิร์ต เคนเนดี อีกทั้งยังเป็นหลานชายของอดีตปธน.เคนเนดี เคยแสดงความเชื่อว่าหน่วยสืบราชการลับกลาง (CIA) มีส่วนพัวพันกับการเสียชีวิตของลุงของเขา แม้ทาง CIA จะปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ว่าไร้มูลความจริงก็ตาม

ด้านแจ็ค ชลอสส์เบิร์ก หลานชายของปธน.เคนเนดี ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ว่า “รัฐบาลทรัมป์ไม่ได้แจ้งให้สมาชิกครอบครัวเคนเนดีคนใดทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการเปิดเผยเอกสารครั้งนี้”

ศาสตราจารย์เฟรดริก โลเกวาลล์ นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้เขียนหนังสือ “JFK: Coming of Age in the American Century 1917-56” ให้ความเห็นผ่านอีเมลว่า เอกสารชุดใหม่นี้อาจช่วยเติมเต็มภาพรวมของเหตุการณ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

“การได้เห็นเอกสารทั้งหมดโดยไม่มีการปิดบังหรือขีดฆ่าข้อความใด ๆ นับเป็นสิ่งที่มีคุณค่า แต่ผมไม่คิดว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลที่จะเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้อย่างถอนรากถอนโคน” ศ.จ.โลเกวาลล์กล่าว

หนึ่งในเอกสาร “ลับ” ที่ถูกเปิดเผย เป็นบันทึกการสัมภาษณ์ในปี 2507 โดยนักวิจัยจากคณะกรรมการวอร์เรน (คณะกรรมการสอบสวนคดีลอบสังหารปธน.เคนเนดี) ซึ่งได้สอบปากคำ ลี วิกเรน เจ้าหน้าที่ CIA เกี่ยวกับความไม่สอดคล้องกันของข้อมูลที่กระทรวงการต่างประเทศและ CIA ส่งให้คณะกรรมการฯ ในประเด็นการแต่งงานระหว่างหญิงชาวโซเวียตกับชายชาวอเมริกัน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกรณีที่ออสวอลด์แต่งงานกับ มารินา ออสวอลด์ หญิงชาวโซเวียต ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหาร

เอกสารอีกฉบับที่ลงวันที่เดือนม.ค. 2505 ได้เปิดเผยรายละเอียดของ “ปฏิบัติการมองกูส” (Operation Mongoose) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โครงการคิวบา” (Cuban Project) ซึ่งเป็นปฏิบัติการลับสุดยอดที่นำโดย CIA โดยได้รับการอนุมัติจากปธน.เคนเนดีในปี 2504 มีเป้าหมายในการก่อวินาศกรรมและโค่นล้มรัฐบาลของฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบา

ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งเกี่ยวกับการเปิดเผยเอกสารเหล่านี้ไม่นานหลังเข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค. ส่งผลให้สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐฯ (FBI) ค้นพบเอกสารใหม่อีกหลายพันฉบับที่เกี่ยวข้องกับคดีลอบสังหารเคนเนดีที่ดัลลัส

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอีเมลที่ได้เห็นเมื่อค่ำวันจันทร์ (17 มี.ค.) ว่า เพื่อเร่งดำเนินการตามคำสั่งของทรัมป์ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้สั่งการให้ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแห่งชาติบางส่วน เร่งตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีลอบสังหารโดยด่วน

ทุลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังนำพาประเทศเข้าสู่ยุคใหม่แห่งความโปร่งใสอย่างที่สุด”

อลิซ แอล. จอร์จ นักประวัติศาสตร์และผู้เขียนหนังสือ “The Assassination of John F. Kennedy” ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับอเมริกายุคใหม่ ให้ความเห็นว่า ความอยากรู้อยากเห็นของชาวอเมริกันเกี่ยวกับคดีลอบสังหารและคำถามเรื่องความโปร่งใสของรัฐบาล ทำให้ “ผู้คนรู้สึกว่าต้องมีหลักฐานสำคัญซ่อนอยู่ในแฟ้มเอกสารเหล่านี้”

อย่างไรก็ตาม อลิซเชื่อว่าบันทึกของรัฐบาลคงไม่สามารถไขข้อข้องใจที่ประชาชนยังคงมีอยู่ได้ทั้งหมด

“ฉันคิดว่าอาจจะมีการเปิดเผยเอกสารเพิ่มเติมอีก … แต่ไม่คิดว่าจะมีการเปิดเผยอะไรที่ยิ่งใหญ่ รายงานของคณะกรรมการวอร์เรนทำได้ดีอยู่แล้ว แต่นั่นทำขึ้นในช่วงที่ผู้เกี่ยวข้องหลัก ๆ ยังมีชีวิตอยู่ การค้นหาความจริงในตอนนี้จะยิ่งยากขึ้นไปอีก เพราะคนที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เสียชีวิตไปแล้ว”

ทั้งนี้ ทางการสหรัฐฯ สรุปว่าการลอบสังหารปธน.เคนเนดีเป็นการกระทำของมือปืนเพียงคนเดียว คือ ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานรัฐบาลกลางอื่น ๆ ได้ยืนยันข้อสรุปนี้มาตลอดหลายทศวรรษ แต่โพลหลายสำนักชี้ว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากยังคงปักใจเชื่อว่า การเสียชีวิตของเขาเป็นผลจากการสมคบคิดวางแผนลอบสังหาร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top