
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร (18 มี.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและความไม่แน่นอนด้านการค้าอันเนื่องมาจากมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 34.70 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 3,040.80 ดอลลาร์/ออนซ์
กองทัพอิสราเอลได้กลับมาใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีฉนวนกาซาอีกครั้งเมื่อวานนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 400 ราย บาดเจ็บหลายร้อยราย และถือเป็นการยุติข้อตกลงหยุดยิงระยะเวลา 2 เดือนกับกลุ่มฮามาส
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าเดินหน้าโจมตีกลุ่มฮูตีจนกว่าจะยอมยุติการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง และเตือนว่าอิหร่านจะต้องรับผิดชอบต่อการโจมตีใด ๆ ในอนาคตที่เกิดจากกลุ่มฮูตี
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ในอัตรา 25% ตั้งแต่เดือนก.พ. และเตรียมใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariffs) ในวันที่ 2 เม.ย.นี้
นักวิเคราะห์จาก ANZ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะพุ่งแตะระดับ 3,100 ดอลลาร์ภายในเวลา 3 เดือน ขณะที่ UBS ตั้งเป้าราคาทองที่ระดับ 3,200 ดอลลาร์ในปีนี้
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการประกาศในวันพุธ (19 มี.ค.) ตามเวลาสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP), อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 68)
Tags: COMEX, ทองคำนิวยอร์ก, ราคาทอง, ราคาทองคำ