PLANET ปักธงปี 68 ชู 6 กลยุทธ์เจาะตลาดสินค้า New S Curve หวังพลิกกำไรกลับมายืนแกร่ง

นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย [PLANET] เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาสภาพตลาดเปลี่ยนแปลงไปทั้งทางด้านเทคโนโลยี ความต้องการของลูกค้าเดิมขยายช้าและการแข่งขันสูงมาก ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของบริษัท ดังนั้น เพื่อสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนและผลกำไรเพิ่มขึ้น ในปี 2568 บริษัทจึงได้วางแผนธุรกิจ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 รักษาฐานลูกค้าและเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมเดิม ส่วนที่ 2 มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงสำหรับตลาดเฉพาะ (New S Curve) รวมทั้งนำเทคโนโลยีดิจิทัลใช้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Digital Go Green) อย่างเต็มตัว

บริษัทจึงได้กำหนดกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจองค์กรภายใต้ 6 กลยุทธ์ ประกอบด้วย

1. กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology) ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่กลางปี 2567 หลังได้เป็นตัวแทนจำหน่ายบริษัท SAAB Technologies จากประเทศสวีเดน ซึ่งมีความชำนาญทางด้านเทคโนโลยีขั้นสูงทางด้านระบบควบคุมการเดินอากาศที่ใช้ในสนามบินต่างๆ ทั่วโลก โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการจำหน่ายระบบติดตามอากาศยานภาคพื้นดินแบบ Multilateration (MLAT) ของ SAAB Technologies ให้แก่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (Aerothai) ตามนโยบายของรัฐบาลเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้เติบโต จึงมีแผนในการปรับปรุงระบบการเดินอากาศของสนามบินทุกแห่งให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยตามมาตราการบินสากล เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความมั่นใจในการเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายของรัฐบาล

“กลุ่มธุรกิจในส่วนนี้มีแนวโน้มเติบโตทุกปีตามนโยบายของรัฐบาลที่จะปรับปรุงระบบควบคุมการบินของทุกสนามบิน ด้วยภาวะการแข่งขันในตลาดซึ่งอยู่ในระดับต่ำ จึงมีแนวโน้มกำไรขั้นต้นสูง และบริษัทฯ ยังมีความได้เปรียบจากการเป็นพันธมิตรกับ SAAB Technologies ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก จึงเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจกลับมาทำกำไรอย่างมั่นคง” นายประพัฒน์ กล่าว

2.กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสำหรับการป้องกันประเทศ (Defense Technology) ในปี 2568 บริษัทเล็งเห็นโอกาสจากนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการเสริมศักยภาพด้านความมั่นคงของประเทศ และจำนวนคู่แข่งในตลาดประเทศไทยมีไม่มาก จึงวางแผนขยายธุรกิจและผลิตภัณฑ์สินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับตลาดนี้ อาทิ ระบบโครงข่ายสื่อสารแบบเคลื่อนที่เป็นกลุ่ม, ระบบวิทยุสื่อสารทางการทหาร และ Drone & Anti Drone, Jammers

ทั้งนี้ ในฐานะที่บริษัทเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านระบบสื่อสารทางการทหาร และได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีป้องกันประเทศ อาทิ DTC, L3Harris, Skydio, IXI, Flyfocus และIAI จึงมองเห็นโอกาสในการขยายตลาด และเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเติบโตของบริษัทฯ

3.กลุ่มธุรกิจระบบป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ในระบบการปฏิบัติการ (OT Cybersecurity) ปัจจุบัน เหล่าแฮกเกอร์เริ่มขยายเป้าหมายโจมตีไซเบอร์จากทางด้าน IT ระบบคอมพิวเตอร์ มาเน้นโจมตีระบบปฏิบัติการภายในหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่สามารถสร้างเสียหายได้มากกว่า รวมทั้งมีผลกระทบกับความมั่นคงของประเทศอย่างรุนแรง ซึ่งระบบการปฏิบัติการ OT Cybersecurity ของบริษัทฯเป็นเทคโนโลยีใหม่และมีโอกาสสร้างรายได้ที่มีมูลค่าสูง

“ในปีที่ผ่านมาบริษัทจับมือเป็นพันธมิตรกับ Siemens ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกทางด้านระบบปฎิบัติการของหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและภาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีประสบการณ์ในการป้องกันการโจมตีจากภัยคุกคามไซเบอร์ให้หน่วยงานชั้นนำทั่วโลก ในปีที่ผ่านมา จึงได้นำเสนอโซลูชัน OT Cybersecurity และจัดสัมมนาให้ความรู้แก่หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มเป้าหมาย คาดว่าจะเห็นผลงานภายในปี 2568 นี้” นายประพัฒน์ กล่าว

4.กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน (ESG) ในปี 2568 บริษัทฯมีแผนให้บริการโซลูชันบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลการปล่อยคาร์บอนขององค์กร (Carbon Management Platform) พร้อมบันทึกการเกิดลดคาร์บอน (Carbon Footprints)และการลดคาร์บอน (Carbon Credit) พร้อมเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT กับระบบไฟฟ้า ในการวัดค่าการใช้งานเพื่อใช้การคำณวนแบบ Real Time รวมทั้งการรับรองผล กับเทคโนโลยี่ทางด้านพลังงานทดแทน อาทิ Solar, รถไฟฟ้า EV, EV Charger, BESS, Wind Turbines, Water Turbines ให้แก่ทุกอุตสาหกรรมโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมภาคการส่งออก ที่ต้องการปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม และต้องปฏิบัติตามมาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ซึ่งเป็นกฎระเบียบสำคัญของสหภาพยุโรปในการควบคุมการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน ในปีปี 2569 นี้ ซึ่งมั่นใจว่ากลุ่มธุรกิจของบริษัทฯในส่วนนี้จะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตในปีนี้

5. กลุ่มธุรกิจศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะสีเขียว (Green AI Data Center) ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มุ่งเน้นให้บริการรับฝากวางคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Co-Location Service) สำหรับองค์กรและธุรกิจที่ต้องการพื้นที่วางเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์ไอที และจากความร่วมมือกับ NVIDIA ทำให้ปัจจุบันเริ่มมีลูกค้าจากต่างประเทศ เช่าใช้บริการพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวิจัยและพัฒนานวัตกรรม และประสงค์ใช้บริการ GPU Server NVIDIA ซึ่งเป็นจุดเด่น ที่บริษัทฯ มีพร้อมให้บริการ นอกเหนือจาก ความพร้อมด้าน ระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน ทำให้มั่นใจว่า ภายในสิ้นปี 2568 มีลูกค้าเข้าใช้บริการเต็มพื้นที่ 124 เซิร์ฟเวอร์ หรือเต็มกำลังผลิตไฟฟ้ารองรับลูกค้า1.3 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมาย

“บริษัทยังมีแผนขยายพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อรองรับ Hyperscale Data Center เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด AI และฐานข้อมูลที่ขยายตัวอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของบริษัทฯ ในการเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI Data Center ที่ครบวงจรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” นายประพัฒน์กล่าว

6. กลุ่มธุรกิจบริการ AI และ ข้อมูลขนาดใหญ่ (AI & Big Data Services) ต่อยอดจากบริการศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะสีเขียว ในปี 2568 บริษัทมีแผนขยายบริการ AI และ Big Data เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรภาครัฐ โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ซึ่งมีการเก็บข้อมูลจำนวนมาก แต่ยังขาดระบบวิเคราะห์และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถจัดเก็บ วิเคราะห์และนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นระบบ โดยเน้นการสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และการส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน

สำหรับกลุ่มธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunications Technology) ที่ดำเนินงานมากว่า 30 ปี ปัจจุบันมีการจำหน่ายสินค้าและบริการ ให้กับหน่วยงานราชการ หน่วยงานทหารและความมั่นคง บริษัทเอกชนชั้นนำ โรงงานอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม (Satcom) ระบบโครงข่ายพื้นฐานโทรคมนาคม (Network Infrastructure) ระบบรวมศูนย์การสื่อสาร ภาพ เสียง ข้อมูล (Unified Communications System) ระบบถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์แบบดิจิทัล (Digital Broadcasting) และ รถสื่อสารผ่านดาวเทียม (Satellite Mobile Vehicle) ในส่วนนี้ เราจะเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิม และหาลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการและมีกำลังซื้อมาชดเชยยอดขายที่ลดลง พร้อมทั้งการปรับตัวทางด้านการหาสินค้าที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆให้ตรงกับความต้องการของตลาด และหากสินค้าใดไม่สามารถทำผลกำไรได้ บริษัทจะพิจารณาลดบทบาทลงไป

“ด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดในข้างต้น มั่นใจว่าจะทำให้ผลการดำเนินของบริษัทฯ สามารถพลิกกลับมาเป็นมีกำไรและกลับไปอยู่ในจุดที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมขยายศักยภาพไปสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคตต่อไป” นายประพัฒน์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มี.ค. 68)

Tags: , , ,
Back to Top