
แมคควอรี กรุ๊ป (Macquarie Group) ประเมินว่า ความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้น อาจผลักดันให้ราคาทำสถิติสูงสุดที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาส 3 ปีนี้
รายงานโดยทีมนักวิเคราะห์ที่นำโดยมาร์คัส การ์วีย์ระบุว่า ราคาทองคำในไตรมาส 3 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 3,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงกว่าราคาปัจจุบันที่ 2,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันนี้ (13 มี.ค.) โดยมีปัจจัยหนุนจากความกังวลเรื่องการขาดดุลงบประมาณสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้น 12% แล้วนับตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
แมคควอรีมองว่า แนวโน้มงบประมาณสหรัฐฯ ที่เลวร้ายลงบ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อทองคำในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ
“ราคาทองคำที่แข็งแกร่งในปัจจุบันและแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีสาเหตุหลักมาจากนักลงทุนและสถาบันทางการเต็มใจที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิตหรือความเสี่ยงของคู่สัญญา” นักวิเคราะห์ระบุ
นอกจากนี้ กองทุน ETF ที่ลงทุนในทองคำแท่งยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือครอง ขณะที่อุปสงค์จากตลาดทองคำกายภาพ ซึ่งรวมถึงเครื่องประดับทองคำ ทองคำแท่ง เหรียญทอง และการใช้ทองคำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ยังคงแข็งแกร่ง แม้ราคาอยู่ในระดับสูง
เมื่อเดือนที่แล้ว โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ได้ปรับเป้าราคาทองคำสิ้นปีขึ้นเป็น 3,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) คาดว่า ราคาทองคำจะทะลุ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายใน 3 เดือนข้างหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มี.ค. 68)
Tags: Macquarie Group, ทองคำ, ราคาทองคำ, แมคควอรี กรุ๊ป