
ความกังวลในตลาดหุ้นที่กดดันตลาดหุ้นไทยร่วงในเช้าวันนี้ ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนจากกองทุน LTF ไปสู่กองทุน Thai ESGX ที่รัฐบาลเพิ่งประกาศให้สามารถโยกกองทุนไปเมื่อวานนี้ (11 มี.ค.)
โดยเฉพาะข้อสังเกตประเด็นที่ว่าอาจมีหุ้นในกลุ่ม SET100 อาทิเช่น หุ้น TRUE, BCP, IRPC, ERW ฯลฯ ที่ไม่มี ESG Rating ทำให้นักลงทุนบางส่วน กังวลว่าอาจจะต้องมีความจำเป็นที่ต้องถูกขายหุ้นที่ไม่มี ESG Rating เหล่านี้ออก
เนื่องจากในอดีตกองทุน LTF สามารถถือหุ้นเหล่านี้ได้ โดยไม่ติดเงื่อนไขการมี ESG Rating แต่หากการย้ายมาในกองทุน Thai ESGX อาจมีข้อจำกัดมากกว่า
แต่ในเงื่อนไขของกองทุน Thai ESGX นั้น ไม่จำเป็นต้องลงทุนเฉพาะหุ้นที่มี ESG Rating ครบทั้งหมด 100%
เพราะมีข้อกำหนดว่าอย่างน้อย 80% ของพอร์ตการลงทุนใน Thai ESGX ต้องเป็นหุ้นหรือสินทรัพย์ที่มี ESG Rating
จากการชี้แจงของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่าประเภทสินทรัพย์ที่ Thai ESGX ต้องลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ประกอบด้วย
(1) หุ้นกลุ่มความยั่งยืนใน SET หรือ mai ไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV
(2) ตราสารหนี้ในกลุ่มความยั่งยืน
(3) โทเคนดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน
ส่วนอีก 20% ได้รับการอธิบายจากผู้จัดการกองทุนว่าสามารถเป็นหุ้นที่ไม่ได้มี ESG Rating ได้
ในปัจจุบัน หุ้นในกลุ่ม SET100 ที่ไม่มี ESG Rating มีอยู่ประมาณ 20% หรือน้อยกว่านั้น นั่นแปลว่า ยังมีความยืดหยุ่นอยู่พอสมควรในการจัดพอร์ตของกองทุน TESGX และอาจไม่จำเป็นต้องเทขายหุ้นที่ไม่มี ESG Rating ทันทีอย่างที่หลายคนกังวล
ธิติ ภัทรยลรดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มี.ค. 68)
Tags: SCOOP, TESGX, Thai ESGX, มองมุมต่าง, หุ้นไทย