ตลาดหลักทรัพย์ฯ – ก.ล.ต.ประสานเสียงคาดหวังเม็ดเงิน Thai ESGX หนุนตลาดหุ้นไทยฟื้นหลังจากมูลค่าหดหายไปแล้วตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ราว 2 แสนล้านบาท โดยคาดว่าเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอนจะโยกเข้ามาลงทุนต่อราว 1.35 แสนล้านบาท หรือ 75% ของวงเงินทั้งหมดที่คงค้างอยู่ 1.8 แสนล้านบาท ขณะที่เม็ดเงินลงทุนใหม่คาดว่าจะเข้ามาอีกราว 3 หมื่นล้านบาท

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร เพื่อให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย
สาระสำคัญ ดังนี้
1. จัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยื่นขอจัดตั้งกองทุน Thai ESGX ที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และจะต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มยั่งยืนgฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% จะเปิดให้ผู้ลงทุนสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของ LTF ทั้งหมดที่ถืออยู่ในทุก บลจ.มาเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX รวมทั้งเปิดขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไป

2. มาตรการภาษี ประกอบด้วย
2.1 การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX
- เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยจะต้องซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ภายในระยะเวลา 2 เดือน ตั้งวันที่ 1 พ.ค.-30 มิ.ย.68
- เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับจากการขายหน่วยลงทุนให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2.2 เงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ผู้ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน
ผู้ที่ถือหน่วยลงทุนในกองทุน LTF ที่สับเปลี่ยนมาเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX นำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 500,000 บาท โดยปีภาษี 2568 ลดหย่อนได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท และปีภาษี 2569-2572 ลดหย่อนได้เฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท เป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี คือ ไม่เกินปีละ 50,000 บาท รวมทั้งเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนจะได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป ในปี 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกองทุน Thai ESGX เป็นวงเงินเพิ่มเติมจากวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันสำหรับกองทุน Thai ESG และสำหรับในปี 2569 เป็นต้นไป โดยจะรวมอยู่ในวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเดียวกับวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันสำหรับกองทุน Thai ESG
นายพรชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังประเมินการสูญเสียรายได้ราว 5-6 หมื่นล้านบาท จากการให้สิทธิลดหย่อนภาษีจากกองทุน Thai ESGX ทั้งการสับเปลี่ยนจาก LTF มาและเม็ดเงินลงทุนใหม่

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า มาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมจากกอง Thai ESG ปกติที่ได้รับลดหย่อน 300,000 บาท โดยในปีนี้หากลงทุนเพิ่มในกอง Thai ESGX (วงลดหย่อน 1) จะได้ลดหย่อนภาษีสูงสุดอีก 300,000 บาท และยังลดหย่อนภาษีสูงสุดอีก 300,000 บาท (วงลดหย่อน 2) หากผู้ถือหน่วยกองทุน LTF สับเปลี่ยนหน่วยในกองทุน LTF ทั้งหมดเข้ามายังกองทุน Thai ESGX โดยในส่วนของวงลดหย่อน 2 ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกปีละ 50,000 บาท เป็นระยะเวลาอีก 4 ปี ซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ทั้งนี้ ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ เนื่องจากหากมีการขายหน่วยลงทุน LTF นับจากวันที่ ครม. มีมติจะทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในวงลดหย่อน 2 ได้
จากนี้ไป ก.ล.ต.จะเร่งกระบวนการจัดตั้งกองทุน Thai ESGX อย่างรวดเร็ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนเม.ย. 68 เพื่อเริ่มการเสนอขายกองทุน Thai ESGX ได้ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. 68 โดยใช้ระยะเวลาการเสนอขาย 2 เดือน พ.ค.-มิ.ย. 68
โดยปัจจุบันเม็ดเงินที่ถือครอง LTF มีเม็ดเงินรวมอยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาท โดยที่ก.ล.ต.คาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินของผู้ถือหุ้น LTF เดิมสับเปลี่ยนมาที่ Thai ESGX ราว 75% ของเม็ดเงินเดิม หรือราว 1.35 แสนล้านบาท ตลอดทั้งโครงการ และในส่วนของเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุน Thai ESGX คาดว่าจะอยู่ราว 3 หมื่นล้านบาท
สำหรับกองทุน Thai ESGX ก.ล.ต.มองว่าจะช่วยชะลอแรงขาย LTF ได้ แต่ช่วงก่อนหน้านี้ที่มาตรการดังกล่าวยังไม่ออกมา ก็เห็นจากเทรนด์แรงขาย LTF เริ่มชะลอลงมาบ้างแล้ว ซึ่งการที่ดัชนี SET ลงมาอย่างต่อเนื่อง และผันผวนก็ไม่ได้มาจากการขาย LTF เพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นหลายๆปัจจัยที่เข้ามากระทบต่อตลาดหุ้น ซึ่ง Thai ESGX จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่เข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยได้
“Thai ESGX ก็เข้ามาช่วยในการลดผลกระทบของ Price Impact และทำให้ผู้ถือหน่วย LTF มีทางเลือก ก็มองว่ามีทางเลือกย่อมดีกว่าไม่มีทางเลือก และเกณฑ์การลงทุนใน Thai ESGX ก้เน้นไปที่การลงทุนในสัดส่วนที่มากกว่ากองทุน Thai ESG ซึ่งจะช่วยในการส่งเสริมต่อตลาดหุ้นไทยได้” นางพรอนงค์ กล่าว

นายอัสสเดช คงสิริ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า Thai ESGX จะสามารถช่วยสนับสนุนต่อตลาดหุ้นไทยได้ จากการที่มีกองทุนใหม่เข้ามารองรับเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่ทยอยครบกำหนดอายุ และทำให้ผู้ลงทุนสามารถมีทางเลือกในการนำเงินที่ออมผ่านการลงทุนมาต่อยอดในการลงทุนต่อ และทำให้เม็ดเงินลงทุนยังคงหมุนเวียนอยู่ในตลาดหุ้นไทย
ขณะเดียวกันการที่สนับสนุนในด้านการลงทุน ESG ยังเป็นเป้าหมายของตลาดหลักทรัพย์ฯที่ต้องการให้บริษัทจดทะเบียนมีการปฏิบัติตามเกณฑ์ ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งในปีที่ผ่านมามีบริษัทจดทะเบียนที่เข้าเกณฑ์ ESG รวมกว่า 240 บริษัท และในปีนี้คาดหวังในการผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนเข้าเกณฑ์ ESG ได้เพิ่มเป็น 300-400 บริษัท
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันมูลค่าของตลาดหุ้นไทยหายไปแล้วกว่า 2 แสนล้านบาท จากการที่ดัชนีปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยความผันผวนต่างๆทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน การที่มี Thai ESGX เข้ามาก็จะสามารถช่วยหนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยได้ท่ามกลางความผันผวนต่างๆที่มีอยู่มาก แต่ก็ยังไม่ถึงกลับไปในระดับเดิมได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากยังคงมีปัจจัยอื่นๆที่กระทบต่อตลาดหุ้นเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายของปัจจัยต่างๆอีกในข้างหน้า
นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) กล่าวว่า ถือเป็นข่าวดีที่ทางกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนได้มีการผลักดันกองทุน Thai ESGX ออกมา ซึ่งมองว่าจะช่วยให้ผู้ลงทุนที่กำลังเตรียมขาย LTF ออก จะชะลอการขายได้ เพราะมีกองทุนใหม่ที่ยังให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเข้ามารองรับ ซึ่งทางสมาคมบลจ.ก็มีการเตรียมความพร้อมในการที่จะออกกองทุน Thai ESGX ออกมารองรับทั้งผู้ถือหน่วยลงทุน LTF เดิม และผู้ลงทุนใหม่
โดยในส่วนของเม็ดเงินจากผู้ลงทุนใหม่จากที่ประเมินมองว่าจะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุนใน Thai ESGX ราว 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งมากกว่ากองทุน Thai ESG ที่มีเม็ดเงินใหม่เข้ามา 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินใหม่ถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามาเสริมและต่อยอดให้กับการออมเพื่อการลงทุนในระยะยาว และส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยที่จะมีเม็ดเงินใหม่ๆ เข้ามาในตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มี.ค. 68)
Tags: Thai ESGX, ก.ล.ต., กองทุนลดหย่อนภาษี, ตลท., พรชัย ฐีระเวช, พรอนงค์ บุษราตระกูล, หุ้นไทย