
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบหนึ่งเดือนในวันจันทร์ (10 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกเทขาย ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะคลี่คลายลง
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 546.20 จุด ลดลง 7.15 จุด หรือ -1.29%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,047.60 จุด ลดลง 73.20 จุด หรือ -0.90%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,620.95 จุด ลดลง 387.99 จุด หรือ -1.69% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,600.22 จุด ลดลง 79.66 จุด หรือ -0.92%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่ร่วงลงหนักที่สุด โดยร่วงลง 3.1% แตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ปลายเดือนม.ค. เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ร่วงลง 2.7% และ 2.1% ตามลำดับ โดยทั้งสองกลุ่มนี้เพิ่งปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเยอรมนีและแนวโน้มการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมในยุโรป
พรรคกรีนของเยอรมนีประกาศว่าจะคัดค้านแผนของฟรีดริช แมร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ในการกู้ยืมเงินจำนวนมาก แต่เปิดทางให้มีการประนีประนอมในบางมาตรการ เช่น การปฏิรูปกองทัพและกระตุ้นเศรษฐกิจ
ประเด็นดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแผนการของเยอรมนีที่จะกันเงินจำนวน 5 แสนล้านยูโร (ราว 5.41 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในช่วง 10 ปีข้างหน้า
นักวิเคราะห์จากดอยซ์แบงก์ (Deutsche Bank) ระบุว่า หากไม่สามารถผ่านแผนปฏิรูปที่เสนอได้ จะส่งผลจำกัดอย่างรุนแรงต่อขอบเขตของการขยายตัวด้านการคลังในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลใหม่ และอาจทำให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองในเยอรมนี
แม้ว่าหุ้นส่วนใหญ่ในดัชนี STOXX จะอยู่ในแดนลบ แต่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค และหุ้นกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1.2%
ในด้านเศรษฐกิจนั้น ข้อมูลบ่งชี้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นในเดือนม.ค. แต่การส่งออกกลับร่วงลง
นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมนีที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ขณะที่ภาษีศุลกากร 25% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ได้มองหาข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการดังกล่าว
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นโนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) ร่วง 8.1% หลังจากการเปิดเผยข้อมูลจากการทดลองขั้นสุดท้ายครั้งที่สองของยาต้านโรคอ้วน CagriSema ซึ่งให้ผลต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มี.ค. 68)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป