
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรฟท. เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 68 มีมติเห็นชอบให้ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) เช่าทรัพย์สินของการรถไฟฯ เพื่อใช้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นอาคารพักอาศัย โครงการบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งมีพื้นที่นำร่องเฟสแรก จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ พื้นที่บางซื่อ กม. 11, พื้นที่สถานีเชียงราก ,พื้นที่สถานีธนบุรี ,พื้นที่สถานีเชียงใหม่ ระยะเวลาเช่า 30 ปี ต่อได้อีก 30 ปี
โดยใน 4 พื้นที่ นำร่อง ส่วนของกม. 11 มียอดจองมากที่สุดกว่า 1 แสนราย โดยในเฟสแรกจะใช้พื้นที่ดำเนินการประมาณ 5 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่มีผลกระทบเรื่องบ้านพักพนักงาน จึงนำมาดำเนินการก่อน และคาดว่าจะมีการพัฒนารวม 4 เฟส โดยมีพื้นที่ที่จะนำมาพัฒนาโครงการบ้านเพื่อคนไทยได้ประมาณ 20 ไร่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ แปลง G ที่ดินย่านบางซื่อ ซึ่งเป็นโซนที่ออกแบบไว้สำหรับเป็นที่พักอาศัยอยู่แล้ว ส่วนพื้นที่เชียงราก มีประมาณ 3 ไร่ ,พื้นที่ธนบุรีประมาณ 20 ไร่ พื้นที่เชียงใหม่ประมาณ 7 ไร่
ทั้งนี้ รฟท.ได้รับค่าเช่าตามระเบียบระหว่าง รฟท.และบริษัทลูกที่ตกลงกัน โดยมีเกณฑ์คิดอัตราค่าเช่าที่ดินประมาณ 36% ของราคาประเมิน ซึ่งรฟท.จะได้เงินค่าเช่าเมื่อโครงการก่อสร้างเสร็จ เนื่องจาก SRTA จะเริ่มมีรายได้จากผู้เข้าอยู่อาศัย คาดว่าจะเป็นปี 2570 นอกจากนี้ รฟท.จะได้ส่วนแบ่งกำไรจาก SRTA ในฐานะบริษัทแม่อีกส่วนด้วย
โดยในส่วนของการลงทุน SRTA จะใช้เงินกู้ โดยลงนาม MOU กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยคาดว่าเฟสแรกจะใช้เงินลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท
“ขณะนี้ทาง SRTA จะต้องเร่งออกแบบรายละเอียดโครงการในแต่ละพื้นที่ และดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อยื่น EIA ต่อไป”
ด้านพ.ต.อ.ศุภกร ศุภศิณเจริญ กรรมการบริษัท รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด กล่าวว่า บอร์ดรฟท. เห็นชอบให้ SRTA เช่าพื้นที่ สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทย ส่วนขนาดพื้นที่แต่ละแปลง จะดำเนินการในรายละเอียด ต่อไป ตอนนี้เป็นเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ SRTA ได้เช่าที่ดินจากรฟท. ตามมติครม.ที่จัดตั้ง SRTA และให้สิทธิ์นำที่ดินรฟท.พัฒนาหารายได้
สำหรับค่าเช่าที่ดินในการดำเนินโครงการ บ้านเพื่อคนไทย ซึ่งบอร์ด SRTA เห็นชอบให้ใช้วิธีจ่ายค่าเช่าในรูปแบบเงินปันผลจากกำไรของโครงการ และเสนอบอร์ดรฟท. เห็นชอบแล้ว เป็นไปตามระเบียบระหว่างรฟท.และ SRTA เนื่องจากโครงการบ้านเพื่อคนไทยนั้น SRTA นำที่ดินมาพัฒนาเองไม่ได้ไปให้เช่าต่อแต่อย่างใด ตามระเบียบมีทางเลือกในการจ่ายค่าเช่า 2 วิธี คือ 1. จ่ายค่าเช่ารายปี ตามอัตราที่ตกลง หรือ 2. จ่ายค่าเช่าในรูปแบบเงินปันผล
“โครงการตามนโยบายและเป็นการดูแลผู้มีรายได้น้อย รวมถึงสนับสนุนให้เกิดการใช้ระบบราง มีการคิดค่าเช่าจากผู้เช่าในอัตราไม่สูง จึงเห็นว่า จ่ายค่าเช่าในรูปแบบเงินปันผลรูปแบบเหมาะสมกว่าการจ่ายค่าเช่ารายปี ส่วนอัตราค่าเช่าที่ดินเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาประเมินนั้น เป็นอัตราทั่วไปกรณีที่เอกชนเช่าที่ดินรถไฟไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม รฟท.ในฐานะบริษัทแม่ จะได้รับปันผล จากผลประกอบการภาพรวมของ SRTA รายปีในสัดส่วนประมาณ 70% ของกำไร นอกเหนือจากค่าเช่าพื้นที่อีกด้วย”
พ.ต.อ.ศุภกรกล่าวว่า ขณะนี้ มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการบ้านเพื่อคนไทยทั้งหมด 350,000 ราย และผ่านการกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Approve) เป็นผู้สามารถกู้เงินของธอส. ตามเงื่อนไขแล้ว จำนวน 140,000 รายโดยเป้าหมายจะเริ่มจับฉลากในเดือนเม.ย. 68 ซึ่งเร็ว ๆ นี้ กับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อเข้ามาดำเนินการเรื่องการจับฉลากต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มี.ค. 68)
Tags: SRTA, การรถไฟแห่งประเทศไทย, บ้านเพื่อคนไทย, รฟท., ศุภกร ศุภศิณเจริญ, อนันต์ โพธิ์นิ่มแดง, เอสอาร์ที แอสเสท