ด่วน! บอร์ด DSI มติ 11 ต่อ 4 เคาะรับฮั้วเลือกตั้ง สว.เป็นคดีพิเศษฐานสมคบฟอกเงิน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) แถลงมติคณะกรรมการ ฯ รับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.เป็นคดีพิเศษฐานสมคบฟอกเงิน โดยมีผู้เห็นชอบ 11 เสียง จากองค์ประชุมทั้งหมด 18 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง

การประชุมวันนี้บอร์ด กคพ.ได้พิจารณาบนฐานข้อเท็จจริง กรณีมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับทางคณะกรรมการกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ว่า มีการกระทำความผิดตามกฏหมายที่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งทางบอร์ดไม่ได้พิจารณากระบวนการเกี่ยวกับ สว.ใด ๆ โดยที่ประชุมมีมติชี้ขาดในกรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ ที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งสว.เมื่อ 2567 เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรค 1 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ 2547

อนึ่ง ความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ที่จะต้องเงื่อนไขกรณีที่มีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นความผิดตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 จะสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้โดยอาศัยคะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง

“บอร์ดเห็นว่า การกระทำความผิดที่มีการร้องทุกข์ มีลักษณะเป็นการทำผิดฐานการฟอกเงิน ที่มีลักษณะเป็นคดีพิเศษตามกฏหมายการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งสอดคล้องกับกฏหมายการได้มาซึ่งสว. ที่ระบุไว้ว่า การใช้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้เลือกหรือไม่เลือกผู้สมัคร เป็นความผิดฐานฟอกเงินด้วย”

นายภูมิธรรม กล่าว

ทั้งนี้ การพิจารณาวันนี้ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่อย่างใด ซึ่งเป็นการทำงานคู่ขนานกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพื่อให้การบังคับใช้กฏหมายของตนเองที่แตกต่างกันแต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือประชาชน ซึ่งดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์จากผู้เสียหาย แต่จะนิ่งเฉยก็ไม่ได้ จะกลายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไป

นายภูมิธรรม ยอมรับว่า คณะกรรมการทุกคนมีความหนักใจ เพราะมีความเกี่ยวพันธ์กับสถาบันนิติบัญญัติ จึงได้กำชับที่ประชุมให้พิจารณาเรื่องนี้ละเอียดรอบคอบ อิงข้อกฏหมาย ข้อมูลต่าง ๆ และพยายามตัดสินว่า อะไรคือสิ่งทีดีที่สุด

“ยืนยันว่าการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษในวันนี้ ได้พิจารณาบนฐานข้อเท็จจริง และมีผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลาย สะท้อนความโปร่งใส ตรวจสอบได้…ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์บุคคล หรือเรื่องการเมือง เราพิจารณาตามข้อกฏหมายและสิ่งที่ทำ เราเชื่อว่า เราได้ทำสิ่งที่รอบคอบมากที่สุด ก็คิดว่า เราตัดสินใจไปแล้วก็รับผิดชอบ มันไม่มีปัญหา เราทำถูกต้องตามกฏหมายและกระบวนการทั้งหมด แต่ทั้งหมดไปอยู่ที่ศาลยุติธรรมที่ตัดสินขั้นสุดท้ายอยู่ดี เราไม่ได้ผู้ชี้ขาดความถูกความผิด”

นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การที่ DSI รับเรื่องไว้ ไม่ได้หมายความว่า ผู้ถูกกล่าวเป็นผู้กระทำความผิดตามกฏหมายแล้ว แต่ยังมีกระบวนการกฏหมายอีกมากในการที่บอกว่า ผิดจริง และรัฐธรรมนูญระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ดังนั้นก็เป็นไปตามกระบวนการตามกฏหมายทั้งหมด เพื่อประโยชน์ผู้ถูกกล่าวหาและเพื่อประโยชน์ของประชาชน เพราะคดีนี้ถือเป็นคดีมหาชน ไม่ได้ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง

นายภูมิธรรม ได้ตอบคำถามถึงคณะกรรมการคดีพิเศษ รับคดีฮั้วสว.เป็นคดีพิเศษ ในความผิดฐานฟอกเงินเป็นเพราะดีลบ้านจันทร์ส่องหล้าล่มหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า “คุณไปคิดอะไรเป็นดีล คณะกรรมการเขาไม่ไปรู้จักดีลกับใครทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่มีดีล”

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงขั้นตอนหลังจากนี้ว่า การประชุมในวันนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษ ตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 21 วรรค 1 ซึ่งตามปกติแล้ว อธิบดี DSI สามารถชี้ขาดได้เลย แต่เนื่องจากมีข้อมูลบางประการที่มีข้อสงสัยที่ต้องให้คณะกรรมการคดีพิเศษ ใช้เสียงกึ่งหนึ่งของผู้เข้าประชุม ซึ่งเสียงของคณะกรรมการส่วนใหญ่ได้ชี้ขาดแล้วว่าเป็นคดีพิเศษ ซึ่งไม่ต้องใช้ตามมาตรา 21 วรรค 2 โดยขั้นตอนต่อจากนี้ไป จะเป็นเหมือนหลักค้ำประกันให้กับอธิบดี DSI คือการรับเรื่องเป็นคดีพิเศษ และขอให้พนักงานอัยการมาร่วมสอบสวนด้วย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความยุติธรรม รวมถึงให้การปฏิบัติงานมีความโปร่งใส ส่วนขั้นตอนต่อไป เป็นเรื่องที่ DSI จะจัดตั้งพนักงานสอบสวน เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน

ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของ DSI ซึ่งที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมการได้มีความเห็น และเมื่อเห็นว่าความจริงเป็นคดีพิเศษโดยอัตโนมัติแล้ว ในความผิดฐานฟอกเงิน แต่ยังมีความสงสัยในเรื่องรายละเอียดว่า มูลค่าของทรัพย์สินเกินกว่า 300 ล้านบาทหรือไม่ ซึ่ง DSI จะต้องไปดูเส้นทางการเงินและเส้นทางบุคคลว่ามีตัวเลขเกิน 300 ล้านบาทหรือไม่ จึงต้องให้คณะกรรมการพิเศษเป็นผู้ชี้ขาด ซึ่งคำชี้ขาดนี้ถือเป็นที่ยุติ และการเป็นคดีพิเศษไม่ใช่หมายความว่า จะทำคดีต่างจากที่อื่นแต่จะมีผู้เชี่ยวชาญในการสอบสวน และที่สำคัญคือการทำตามพยานหลักฐาน ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนในชั้นสอบสวน หากมีการเรียกกกต.มาให้ข้อมูล พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในส่วนกกต. ที่ผ่านมาได้มีการประสานงานกัน และได้มีการทำหนังสือมา ซึ่งหนังสือฉบับนั้นยังไม่ได้มีการยกเลิก เนื่องจากกฎหมายมีการทับซ้อนกัน ก็อาจประสานงานกัน

ส่วนกรณีมีการตั้งประเด็นว่า การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีมาเพื่อต้องการดึงเป็นเรื่องทางการเมืองนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตอนนี้กกต.ก็ทำอยู่ในบทบาทของเขา เพราะหนังสือตอบรับของกกต. ก็ได้ตอบอย่างชัดเจนแล้วว่าความผิดในคดีอาญาอื่น ๆ กกต.ไม่มีอำนาจ

“ประธานในที่ประชุมได้พูดว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องสำคัญ กระทบกับความมั่นคง ถ้ามีการครอบงำอำนาจนิติบัญญัติ ก็จะส่งผลกระทบต่อหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งเราก็ทำในความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนจะขยายไปเป็นคดีอั้งยี่หรือคดีอื่น ๆ ก็คงจะต้องมีการพิจารณากันอีกครั้ง เรายินดีหากสว.จะมาให้การหรือแสดงความบริสุทธิ์ เราก็พร้อมที่จะรับ”

 พ.ต.อ.ทวี กล่าว

ส่วนกรณีที่สว. เตรียมยื่นถอดถอน หากรับคดีฮั้วสว. เป็นคดีพิเศษ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิตามกฎหมาย และยืนยันว่า ตนไม่ได้กังวล

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มี.ค. 68)

Tags: , , ,
Back to Top