
พรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลเยอรมนีชุดใหม่ได้บรรลุข้อตกลงเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) เพื่อจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 5 แสนล้านยูโร พร้อมปฏิรูปกฎเกณฑ์การกู้ยืมครั้งใหญ่ ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญด้านการใช้จ่ายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถทางทหาร และกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
พรรคอนุรักษ์นิยมของฟรีดริช แมร์ซ และพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมหลังการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อเดือนที่แล้ว เตรียมเสนอแผนดังกล่าวต่อรัฐสภาเยอรมนีในสัปดาห์หน้า
แมร์ซซึ่งมีแนวโน้มจะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเยอรมนีได้ฉวยโอกาสนี้จากความปั่นป่วนในความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปและสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ยุโรปต้องเสริมสร้างศักยภาพด้านกลาโหมของตน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.ทรัมป์สั่งระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน หลังจากปะทะคารมดุเดือดกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าเขาอาจทำข้อตกลงกับรัสเซียเพื่อยุติสงครามในยูเครน ขณะที่ลดบทบาทของสหรัฐฯ ในยุโรป
นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนเรียกร้องให้เยอรมนีปฏิรูปข้อจำกัดด้านการกู้ยืมของรัฐที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือที่เรียกว่า “เบรกหนี้” (debt brake) เพื่อเปิดทางให้มีการลงทุนและพยุงเศรษฐกิจที่หดตัวต่อเนื่องตลอดสองปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือนเมื่อวันพุธ (5 มี.ค.) หลังมีข่าวดังกล่าว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในยูโรโซนพุ่งขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 ขณะที่ดัชนี DAX ของเยอรมนีพุ่งขึ้น 3.38%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มี.ค. 68)
Tags: พรรคการเมือง, เยอรมนี, เศรษฐกิจเยอรมนี