นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับฐานหลังขึ้นไปมากสะท้อนพัฒนาการวัคซีนต้านโควิด-19 และ”ไบเดน”ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐไปแล้ว ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบเล็กน้อย ช่วงนี้เกาะติดการประกาศงบฯช่วงโค้งสุดท้าย และรอดู GDP งวดไตรมาส 3/63 ของไทยในสัปดาห์หน้า พร้อมให้แนวรับ 1,330 แนวต้าน 1,350 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับฐานหลังจากขึ้นมามากสะท้อนปัจจัยบวกจากพัฒนาการวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งไปแล้ว
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อยไม่ถึง 1% โดยช่วงนี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/63 และรอติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 3/63 ของไทยในสัปดาห์หน้า
พร้อมให้แนวรับ 1,330 จุด ส่วนแนวต้าน 1,350 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,397.63 จุด ลดลง 23.29 จุด (-0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,572.66 จุด เพิ่มขึ้น 27.13 จุด (+0.77%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,786.43 จุด เพิ่มขึ้น 232.57 จุด (+2.01%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.26 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 89.75 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 182.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 62.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.19 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.09 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 พ.ย.63) 1,345.34 จุด เพิ่มขึ้น 4.10 จุด (+0.31%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 7,278.09 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 พ.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 พ.ย.63) ปิดที่ 41.45 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 พ.ย.63) อยู่ที่ 1.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.27 อ่อนค่าจากวานนี้หลังมีแรงซื้อดอลล์ ตลาดจับตาถ้อยแถลงประธานเฟด
- ผู้ว่าแบงก์ชาติชี้พิษโควิดหวั่นทำตกงานพุ่ง 3 ล้านคน เหตุท่องเที่ยวกระทบหนัก ด้านคลังรับลูก นายกฯเตรียมเปิด”คนละครึ่ง”ระยะ 2 หนุนกำลังซื้อต้นปี 2564 หลังเฟสแรก เสียงตอบรับดี เงินสะพัดนับหมื่นล้านบาท จับตาสภาพัฒน์ประกาศจีดีพีติดลบน้อยลง พร้อมกำชับแบงก์ชาติดูแลค่าเงินบาทเอื้อผู้ส่งออก
- กบง.ไฟเขียวส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนโครงการนำร่อง 150 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นชีวมวลและก๊าซชีวภาพอย่างละ 75 เมกะวัตต์ เตรียมเสนอ กพช.เคาะต่อไปก่อนเปิดให้เอกชนยื่น ม.ค.64 รถโดยสารสาธารณะเตรียมเฮ กบง.ปรับมติให้ราคา NGV สอดคล้องตลาดโลกหลังทิศทางราคาถูกลงมีผลตั้งแต่ 16 พ.ย. 63 คาดปรับลดเป็น 13.30 บาทต่อ กก.จากเดิม 13.62 บาทต่อ กก.
- “อาคม”เล็งขยายมาตรการคนละครึ่งเฟส 2 คลังให้เป็นของขวัญปีใหม่ กระตุ้นใช้จ่าย คนได้สิทธิ์รอบแรกได้สิทธิ์เพิ่มต่อทันที ปลื้มลงทะเบียนเก็บตก ครบ 2.4 ล้านสิทธิ์ใน 3 ชั่วโมง
หุ้นเด่นวันนี้
- RT (บมจ.ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง โดยมีราคาขาย IPO 1.92 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส (เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย) ประเมินราคาเป้าหมาย 2.20 บาท บริษัทฯเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน โดยคาดได้ประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐ จึงคาดกำไรปกติปี 2563-2564 +62% Y-Y และ +12% Y-Y ตามลำดับ จากรายได้ที่ขยายตัวและ Gross Margin ที่ปรับขึ้นจากงานอุโมงค์รถไฟทางคู่มาบกะเบา-ชุมทางจิระ ปัจจุบันมี Backlog 4.3 พันล้านบาท รับรู้ถึงปี 2565 และรองรับประมาณการปี 2564 แล้ว 72% และมีโอกาสได้งานเพิ่มเติมในอนาคต
- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 28 บาท กำไรปกติ Q3/63 +293% Q-Q, -38% Y-Y ดีกว่าที่ตลาดคาด 20% แม้รายได้จะยังถูกกระทบจากโควิด-19 แต่เริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ดี Q-Q รวมถึงผลบวกจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เข้มข้น แนวโน้มกำไร Q4/63 คาดฟื้นตัวต่อเนื่องและประเมิน Upside ของประมาณการกำไรปี 2563 ราว 15-20% จากปัจจุบันที่คาด -43% Y-Y รวมถึงเป็นในหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากความสำเร็จของวัคซีนโควิด-19
- CPALL (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ”เป้า 82.25 บาท การฟื้นตัวเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อ CPALL โดยปัจจัยบวกระยะยาวจากการได้รับสิทธิแฟรนไชส์เปิดร้าน 7-11 ในกัมพูชาและลาว เช่นเดียวกับการลงทุนใน เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ Tesco Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. (พึ่งได้รับอนุญาตจาก กขค. เมื่อต้นเดือนพ.ย. เป็นการอนุญาตแบบมีเงื่อนไข) ขณะที่ระยะสั้นได้ปัจจัยบวกอ่อน ๆ จากข่าวความคืบหน้าการผลิตวัคซีนของ Pfizer (นักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากขึ้น-มีจำนวนการเข้าใช้บริการ 7-11 ต่อร้านต่อวันสูงขึ้น) รับผลบวกทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค/ช่วยเหลือของภาครัฐ พร้อมประมาณการกำไรสุทธิปี 63 ที่ 18,996 ล้านบาท (-14.98%YoY) ก่อนจะกลับมาขยายตัวที่ 21,789 ล้านบาท (+14.71%YoY) ในปี 64
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 63)
Tags: BDMS, CPALL, RT, ตลาดหุ้น, หุ้นไทย, เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม