
นายพยุง ศักดาสาวิตร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย [TATG] เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้ามุ่งสู่ความเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแม่พิมพ์โลหะและชิ้นส่วนยานยนต์ ของภูมิภาคเอเชีย โดยแบ่งสายการดำเนินงานออกเป็น 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ (Tooling) 10% และธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts) 80% และอื่นๆ 10%
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2568 ประเมินว่ายังคงต้องเผชิญหน้ากับความท้าทาย จากภาวะเศรษฐกิจและการปรับตัวลดลงของยอดขายทั้งรถยนต์สันดาป ไฮบริด และรถไฟฟ้า (EV) แต่ตลาดรถยนต์ EV ในประเทศยังมีโอกาสเติบโต โดยคาดว่าอุปสงค์จะฟื้นตัวแรงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี จากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ การปรับลดราคา แคมเปญส่งเสริมการขาย และการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จที่ครอบคลุมมากขึ้น ช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมไปสู่ยุครถยนต์พลังงานสะอาด โดย TATG ผู้นำด้านการผลิตแม่พิมพ์โลหะและชิ้นส่วนยานยนต์ครอบคลุมทุกประเภท รวมถึง EV พร้อมเดินหน้าธุรกิจเต็มกำลัง จากการมีเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเสริมศักยภาพการผลิตให้ล้ำสมัย รองรับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“จากปัจจัยบวกในด้านการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ทั้งยอดผลิต ยอดขายในประเทศ และยอดส่งออก จึงตั้งเป้ารายได้ปี 2568 TATG จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ควบคู่รักษาความสามารถในการทำกำไรที่ดี พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว “ นายพยุง กล่าว
ผลการดำเนินงานของ TATG ในงวดปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 70.22 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 22.13 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46.02% ส่วนรายได้รวม 2,701.58 ล้านบาท
โดยรายได้หลักของบริษัทฯ เป็นรายได้ที่มาจากสัญญาที่ทำกับลูกค้าลดลง จากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งมีจำนวน 384.02 ล้านบาท คิดเป็นการปรับลดลง 14.84% จะเห็นว่ารายได้ของบริษัทฯ ลดลงน้อยกว่าภาพรวมการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งลดลง 19.95% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังชะลอตัว ส่วนรายได้ธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องมือมีรายได้เพิ่มขึ้นจำนวน 119.07 ล้านบาท คิดเป็น 61.64% เกิดจากการมีคำสั่งซื้อของกลุ่มยานยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น
“ภาพรวมปี 2567 สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัทฯ แม้รายได้รวมลดลง แต่มีความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารจัดการที่ดี ครอบคลุมถึงการควบคุมต้นทุนขาย ต้นทุนบริการ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายพยุง กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.พ. 68)
Tags: TATG, พยุง ศักดาสาวิตร, หุ้นไทย, ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย