
ราคาไข่ในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยพุ่งแตะระดับเฉลี่ย 8.11 ดอลลาร์ต่อ 1 โหล ณ วันพุธที่ผ่านมา (26 ก.พ.) ซึ่งเพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากไข้หวัดนกที่แพร่ระบาดอย่างรุนแรงยังคงทำให้จำนวนแม่ไก่ในสหรัฐฯ ลดลงอย่างต่อเนื่อง
บรู๊ค โรลลินส์ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ระบุว่า ไข้หวัดนกซึ่งเริ่มแพร่ระบาดในปี 2565 ส่งผลให้เกษตรกรจำต้องกำจัดแม่ไก่ประมาณ 166 ล้านตัวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วิกฤตการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงต้นปี 2568 โดยเฉพาะในเดือนม.ค.เพียงเดือนเดียวนั้น แม่ไก่ที่ถูกเลี้ยงเพื่อวางไข่ประมาณ 18.8 ล้านตัวได้รับผลกระทบจากไข้หวัดนก ซึ่งถือเป็นจำนวนรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาด
โรลลินส์เขียนในบทความแสดงความเห็นของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) เมื่อวันพุธ โดยระบุว่า “เราไม่ได้เผชิญแค่ปัญหาเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว แต่เรากำลังเผชิญกับราคาไข่กำลังพุ่งสูงขึ้น”
USDA คาดการณ์ว่า ผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบมากกว่านี้ โดยในรายงานแนวโน้มราคาอาหารประจำเดือนก.พ. คาดการณ์ไว้ว่า ราคาไข่จะเพิ่มขึ้น 41.1% ในปี 2568
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศกลยุทธ์เพื่อต่อสู้กับวิกฤตราคาไข่แพง โดยให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินช่วยเหลือสูงสุด 1 พันล้านดอลลาร์
ส่วนแผนการของ USDA นั้น ครอบคลุมถึงการทุ่มเงิน 500 ล้านดอลลาร์เพื่อปรับปรุงมาตรการด้านความปลอดภัยทางชีวภาพในฟาร์มสัตว์ปีก และมอบเงินช่วยเหลือ 400 ล้านดอลลาร์แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.พ. 68)
Tags: ราคาไข่, ไข้หวัดนก