
นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง [KCC] กล่าวถึงกลยุทธ์ในปี 68 ว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายพอร์ตโดยการจัดหาจากแหล่งที่มีความหลากหลายขึ้น รวมถึงสถาบันการเงิน (FI) และนอกสถาบันการเงิน เพราะหลังจากได้ทรานฟอร์มเป็นโฮลดิ้งแล้ว เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 บริษัทดำเนินการจัดตั้งบริษัท เคซีซี แอสเซท รีคัฟเวอรี จำกัด เป็นบริษัทย่อยเพื่อขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยบริษัทถือบริษัทย่อยนี้ 100%
รวมถึงมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัทในตลาดการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูงที่มีหลักประกันที่มีคุณภาพ และมีสภาพคล่องในตลาดสูง และพอร์ตที่มีความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อเพิ่ม recover rate และอัตราผลตอบแทนการลงทุน เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน โดยมุ่งมั่นที่จะรักษาการเติบโตของรายได้โดยเฉพาะจากรายได้ดอกเบี้ย
สำหรับภาพรวมผลดำเนินงานของบริษัทในปี 67 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญบริษัท มีเงินรับรวมจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ 682 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123%จาก 306 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นทั้งจากเงินรับจาก NPL ที่มีสัดส่วนกว่า 91%ของเงินรับรวมทั้งหมดของบริษัท ซึ่งเพิ่มขึ้น 159% และ เงินรับจากการให้บริการบริหาร NPL ซึ่งเงินรับจากแหล่งรายได้ใหม่ของบริษัทเพิ่มขึ้น 100% ซึ่งการขยายสู่ธุรกิจให้บริการบริหาร NPL คือความพยายามของบริษัทในการกระจายโมเดลธุรกิจในการสร้างรายได้จากบริการให้คำปรึกษาในระยะยาว เพราะธุรกิจในส่วนนี้ยังสามารถเติบโตได้ในอนาคตและสร้างรายได้ที่มีความหลากหลายและมั่นคงมากขึ้น
“การที่บริษัทมีเงินรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ดีของความสำเร็จในการบริหารจัดการลูกหนี้ กลยุทธ์การปรับโครงสร้างหนี้ได้รับการขับเคลื่อนจากการปรับโครงสร้างหนี้ที่สำเร็จของสินเชื่อรายใหญ่ ซึ่งบริษัทจะมุ่งเน้นการเพิ่มอัตราการการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่องและเร่งขบวนการทางกฎหมายให้สามารถนำทรัพย์ออกมาบริหารจัดการได้ดี”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KCC กล่าว
ปี 67 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 82 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 84 ล้านบาท เป็นผลจากต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทได้ออกหุ้นกู้ จำนวน 431ล้านบาท เมื่อช่วงกลางปีเพื่อซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เข้าสู่พอร์ต ซึ่งทั้งปีบริษัทได้เข้าลงทุนซื้อหนี้ NPL รวมทั้งสิ้น 463 ล้านบาท หนุนให้ ณ สิ้น ธ.ค 2567 สินทรัพย์รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากสิ้นปี 2566 แต่หากมองในแง่ของเงินรับเพิ่มขึ้นกว่า 123%
บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 278 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนที่มีรายได้ 258 ล้านบาท และรายได้ดอกเบี้ยรับ NPL ยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดย บริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยรวม 252 ล้าน เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน จากการลงทุนเพิ่มในพอร์ต NPL แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นนี้สะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการซื้อพอร์ต NPL ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น รวมทั้งการขยายตัวของพอร์ต โดยถือเป็นสัญญาณที่ดีของศักยภาพในการสร้างรายได้และผลตอบแทนจากพอร์ตลูกหนี้ในระยะยาวของบริษัท
“ธุรกิจบริหาร NPA ปีที่ผ่านมาต้องเจอกับความท้าทายทำให้เงินรับจาก กระบวนการจำหน่าย NPA ทั้งปรับปรุงกลยุทธ์การตั้งราคา การจัดการหลักประกัน หรือการเพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินทรัพย์ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการเพิ่มอัตราการการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง”นายทวี กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.พ. 68)
Tags: KCC, ทวี กุลเลิศประเสริฐ, หุ้นไทย, ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง