SAV วางเป้าอัพรายได้ใกล้ 1.9 พันลบ.กำไรโต Double digit เก็ง MOU บริหารสนามบินลาวชัดเจนปีนี้

นายรัฐนันท์ วิไลลักษร์ นักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ [SAV] กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 68 จะทำได้เกือบ 1.9 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.76 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนการเติบโตของรายได้มาจากธุรกิจวิทยุการบิน คาดว่าปริมาณของไฟลท์บินที่เข้ามาในสนามบินกัมพูชาในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 5,000 เที่ยวบิน จากปีก่อน 103,887 เที่ยวบิน

ขณะที่ในปี 68 กัมพูชาจะมีการเปิดสนามบินแห่งใหม่ คือ สนามบินเตโช ในช่วงเดือนก.ค.นี้ ซึ่งสามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้น-ลงได้ โดยเฉพาะสายการบินจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชาได้มีการพูดคุยและได้บรรลุข้อตกลงไปแล้วในการที่จะมีสายการบินจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเข้ามาใช้บริการและเปิดรูทบินในกัมใพูชาในปีนี้ ประกอบกับการพูดคุยกับสายการบินของญี่ปุ่น ANA ที่รัฐบาลกัมพูชาได้มีการเจรจาให้มากลับมาเปิดรูทบินในกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 2/68

อีกทั้งปัจจัยที่รัฐบาลเวียดนามมีการผลักดันการให้มีสายการบินเข้ามาใช้บริการและผลักดันด้านการท่องเที่ยว เป็นปัจจัยที่หนุนต่อธุรกิจของ SAV ต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยหนุนต่อกำไรของบริษัทที่คาดว่าจะเติบโตได้ในระดับ 2 หลักในปี 68 จากปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 484 ล้านบาท

นอกจากนี้ SAV ยังเตรียมเข้าประมูลงานที่เกี่ยวข้องกับการขายอุปกรณ์วิทยุการบินในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มอุปกรณ์ Foreign Object Debris (FOD) ที่เป็นอุปกรณ์ตรวจจับวิ่งแปลกปลอมในรันเวย์ ซึ่งในปีนี้จะมีการประมูลงานดังกล่าวของสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่า 1.28 พันล้านบาท ซึ่งบนิษัทจะมีการเข้าไปร่วมประมูลงานดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าคาดว่าจะเปิดประมูลในช่วงไตรมาส 2/68

ส่วนความคืบหน้าของการลงนาม MOU ในการเข้าไปบริหารธุรกิจวิทยุการบินในสนามบินของสปป.ลาวนั้น หลังจากล่าช้ามาแล้ว 2 ไตรมาส เนื่องจากความไม่สงบของปัจจัยการเมืองในสปป.ลาว ทำให้การเซ็นสัญญา MOU ล่าช้าออกไป แต่บริษัทยังมองเห็นศักยภาพของสนามบินในลาวที่ปริมาณเครื่องบินที่เข้ามาใช้มีจำนวนที่สูงถึง 390,000 เที่ยวบิน/ปี ในช่วงก่อนโควิด-19 และสปป.ลาวยังเป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายของการท่องเที่ยว และการเดินทางมาทำธุรกิจ ทำให้บริษัทยังคงรอการเซ็นสัญญา MOU เข้าบริหารวิทยุการบินของสนามบินในสปป.ลาว ซึ่งคาดหวังจะเห็นความชัดเจนในปี 68

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 68)

Tags: , , ,
Back to Top